วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

[BSD Trans] Dazai Osamu and the dark era: Chapter 4 [บทส่งท้าย]

คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 2: Dazai Osamu and The dark era: บทส่งท้าย
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Chiyuu_ki
← Previous: Final Scene


หลังจากการต่อสู้จบลง ถนนทุกสายต่างกลับคืนสู่ความปกติ
หากมองอย่างผิวเผิน ทุกอย่างไม่มีอะไรแตกต่างจากตอนที่สงครามยังไม่อุบัติขึ้น เศรษฐกิจหมุนเวียน ผู้คนตื่นและนอนหลับ เรื่องราวต่างๆที่ดำเนินในเวลากลางวันและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในยามค่ำคืน ทุกอย่างวนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่ว่าจะเป็นผู้คนเดินถนนหรือสมาชิกจากกลุ่มอาชญากร ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย


เครื่องบินขนาดเล็กบินผ่านน่านฟ้าและแนวชายฝั่งทะเลเบื้องล่าง
มีคนไม่กี่คนนั่งอยู่บนเครื่องบินลำนั้น
“อีกประมาณหนึ่งชั่วโมง เราจะถึงที่หมายสำหรับภารกิจต่อไปครับ”
ที่เบาะผู้โดยสาร ชายหนุ่มในชุดสูทเอ่ยขึ้น
“อ่า ฉันรู้”
ชายหนุ่มผู้สวมแว่นตาทรงกลมนั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่างและจ้องมองรูปภาพในมือของตนเองอย่างเงียบขรึม
“สารวัตรซาคากุจิ นั่นเป็นรูปของเป้าหมายถัดไปรึเปล่าครับ?” ชายหนุ่มในชุดสูทเอ่ยถามเขา
ชายหนุ่มผู้สวมแว่นทรงกลม –อันโกะ– เก็บรูปนั้นใส่เข้าไปในอกเสื้อของตัวเองอย่างรวดเร็วราวกับกำลังพยายามซ่อนบางสิ่งจากเพื่อนร่วมงาน
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก เป็นรูปส่วนตัวน่ะ”
เมื่อเขาเก็บรูปลง อันโกะเลื่อนสายตาออกไปนอกหน้าต่างและมองลงไปยังเมืองด้านล่างด้วยความเศร้าสร้อย




กลุ่มเงาสีดำกำลังวิ่งอย่างหวาดกลัวไปตามท่อระบายน้ำเสียในเขตโยโกฮาม่า
ทหารจากมิมิคสามคนที่เหลืออยู่กำลังหนีออกจากทางระบายน้ำอันมืดมิด พวกเขาเป็นทหารที่พ่ายแพ้จากการต่อสู้ที่บ้านพักเพราะว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในแนวหน้าของการจู่โจม
ผืนผ้าสีดำสนิทยืดยาวออกราวกับใบมีด ตัดผ่านร่างของทหารคนหนึ่งออกเป็นสองส่วน
ทหารคนที่เหลือหันหลังกลับและใช้ปืนยิงไปยังสิ่งนั้น ท่ามกลางความมืด ประกายไฟจากปากกระบอกปืนสว่างวาบขึ้นในทางระบายน้ำ
–ไร้ประโยชน์
เด็กหนุ่มในโค้ทสีดำปรากฏตัวขึ้นจากด้านหลัง เสื้อโค้ทของเขาเคลื่อนไหวราวกับสัตว์ป่าและไล่ตามล่าเหล่าทหารที่เหลืออย่างไร้ความปราณี
“ผมต้องการสิ่งที่แข็งแกร่งกว่านี้– ยอดเยี่ยมกว่านี้ จนกว่าคนๆนั้นจะยอมรับผม ไม่ว่าจะเป็นทหาร ปืน หรือผู้ใช้พลังพิเศษ ผมจะไม่แพ้ให้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น มองมา! มองมาที่ผม!
อาคุตะกาวะกรีดร้องพร้อมกับเร่งความเร็วของใบมีดมรณะที่กำลังร่ายรำเพื่อปลิดชีพเหล่าทหารผู้เคราะห์ร้าย เสียงกรีดร้องอันโศกเศร้าของเขาจางหายไปกับความมืดยามราตรีในโยโกฮาม่า


บนเขาลูกหนึ่งที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองโยโกฮาม่าได้ ถนนภายในภูเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยความเขียวขจี ที่นั่นมีสุสานแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในตำแหน่งที่หันหน้าออกไปยังทะเล
ที่ตรงนั้นมีสุสานหลุมใหม่ตั้งเรียงรายอยู่ บนป้ายหินอ่อนสีขาวสำหรับจารึกข้อความไม่มีชื่อของเจ้าของผู้ล่วงลับถูกสลักลงไป
ดาไซยืนนิ่งอยู่หน้าป้ายหิน
เขาอยู่ในชุดประกอบพิธีศพสีดำ ในมือของเขามีช่อดอกไม้สีขาว
“...”
ลมทะเลพัดผ่านตัวเขา ดาไซหรี่ตาลง ดอกไม้ในมือของเขาไหวเอนตามลม
“รูปนั้น.. ฉันจะวางเอาไว้ตรงนี้แล้วกัน”
ดาไซหยิบรูปใบหนึ่งออกมาและวางลงหน้าหลุมศพ
ภาพของชายสามคนปรากฏอยู่ในรูปถ่าย ในช่วงเวลาแห่งความสุขที่เข็มนาฬิกาหยุดหมุน รอยยิ้มที่ไม่มีวันจางหายไปปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเขา
“ฉันอยากให้นายได้ลองเต้าหู้นั่นจริงๆนะ..”
ดาไซหลับตาลงและยืนนิ่ง


ตึกสีน้ำเงินตั้งตระหง่านอยู่ในย่านเศรษฐกิจใจกลางเมืองโยโกฮาม่า มันคือศูนย์บัญชาการของพอร์ตมาเฟีย
ในห้องทำงานชั้นบนสุดของอาคารนั้น ศรีษะของโมริซบลงกับฝ่ามือของเขา
“‘จงช่วยเหลือเขาอย่างที่ฉันเคยบอกไปโดยที่ไม่ต้องกล่าวถามอะไรเพิ่ม เพื่อที่เขาจะได้จบการสอบสวนด้วยความสงบและเยือกเย็น’ อย่างนั้นหรอ?”
มีเอกสารจำนวนนับไม่ถ้วนวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะของเขา มันคือรายงานความเสียหายของมาเฟีย ด้านบนสุดของเอกสารพวกนั้นคือจดหมายที่โมริเป็นคนเขียนด้วยตัวเอง ‘คำพยากรณ์สีเงิน’ (Silver Oracle) มันถูกนำกลับมาจากบ้านพักที่เกิดการต่อสู้ขึ้น
โมริหยิบกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาและมองมันอย่างไม่ใส่ใจ
ลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งของเขาเอ่ยปากพูดขึ้น
“บอส เราไม่สามารถติดต่อผู้บริหารดาไซได้มาสองสัปดาห์แล้วครับ เราควรเรียกประชุมผู้บริหารทั้งห้าเพื่อทำการตัดสินใจเรื่องผู้บริหารคนถัดไป..”
“หืม.. จริงด้วยสินะ”
โมริเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจและเริ่มพับกระดาษในมือ
“ไม่ต้องเรียกประชุมหรอก ทิ้งตำแหน่งของดาไซให้ว่างเอาไว้อย่างนั้นล่ะ”
โมริเหลือบมองเอกสารที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ
ถึงแม้จะนับเรื่องความเสียหายทางการเงินและลูกน้องฝีมือดีที่สูญเสียไป องค์กรก็ยังคงได้ผลประโยชน์มากพอที่จะครอบคลุมความเสียหายทั้งหมด การหายตัวไปของดาไซเองก็ถูกคาดการณ์เอาไว้แล้วเช่นกัน ถ้าหากว่ากันตามหลักเหตุผล ผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่ายอดเยี่ยมตามแผนการณ์
โมริพับกระดาษในมือเป็นเครื่องบินหน้าตาประหลาด ศรีษะของเขายังคงซบอยู่บนฝ่ามือ เขาปาเครื่องบินกระดาษออกไป
เครื่องบินกระดาษที่ยับย่นร่วงลงบนพื้นในเวลาไม่กี่วินาที
“มันเริ่มน่าเบื่อแล้ว..”


ในย่านชุมชนเมืองโยโกฮาม่า ป้ายไฟฟ้าหลายหลากสีถูกติดตั้งอยู่มากมายแทนที่ต้นไม้ในเมืองหลวง ถึงแม้ว่าจะดึกมากแล้ว ผู้คนก็ยังคงคับคั่ง
ในบาร์ขนาดเล็กที่มีตะเกียงสีส้มถูกห้อยเอาไว้ด้านนอก ชายหนุ่มผมขาวร่างสูงคนหนึ่งนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ที่นี่เป็นบาร์ราคาถูกที่แออัดไปด้วยผู้คน ชายร่างสูงคนนั้นนั่งดื่มอยู่คนเดียวด้วยท่าทีเงียบขรึม
“ลองมาคิดดูแล้ว.. ผู้นำแห่งกระทรวงความมั่นคงภายในมานั่งดื่มอยู่คนเดียวในบาร์กระจอกๆแบบนี้ ช่างเป็นความเหงาที่น่าเศร้าซะจริง หัวหน้าทาเนดะ”
ทันใดนั้นเสียงของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เรียกให้ทาเนดะเงยหน้าขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“นายคือ..”
“ให้ผมรินเหล้าให้คุณเถอะ”
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฝ่ายยกยิ้มให้เขาและเอียงขวดในมือ เขารินเครื่องดื่มมึนเมาลงไปยังแก้วใส ชายหนุ่มคนนั้นคือดาไซ
ทาเนดะยกแก้วเครื่องดื่มที่ดาไซรินให้ดื่มรวดเดียวจนหมด เขาจ้องไปที่ดาไซ
“หน้าของนายโผล่ขึ้นมาอยู่ในรายงานของฉันหลายครั้ง เป็นแขกคนสำคัญที่ต้องคอยจับตาดูเป็นพิเศษ นายรู้จักที่นี่ได้ยังไง?”
“เรื่องหลายเรื่องรู้ได้จากการสืบสวน” ดาไซยิ้มและยักไหล่
“ตอนนี้นายควรจะหายตัวไปอย่างชั่วคราวจากองค์กร.. มีธุระที่ต้องจัดการหรือไง?”
“ผมกำลังหางานใหม่ มีที่ไหนแนะนำผมได้บ้างรึเปล่า?”
หัวหน้าทาเนดะมองดาไซด้วยความแปลกใจ
ใบหน้าของดาไซเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่อยากจะเขื่อ มีคำถามเป็นภูเขาที่ฉันต้องถามนาย..” หัวหน้าทาเนดะใช้นิ้วเกาคางของตัวเอง   “นายอยากมาทำงานที่กรมผู้ใช้พลังพิเศษรึเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้น
“ผมขออนุญาตปฏิเสธ” ดาไซยิ้มอย่างขมขื่น “ที่ที่เต็มไปด้วยกฎไม่เหมาะกับผมซักเท่าไหร่”
“ถ้าอย่างนั้นนายกำลังหวังอะไรอยู่?”
“ที่ที่ผมสามารถช่วยผู้คน” ดาไซเอ่ยตอบโดยทันที
“นายอยู่ในบัญชีดำมานานเกินไป ถ้าอยากจะล้างประวัติให้กลับมาสะอาดเหมือนเดิม นายต้องอยู่เงียบๆซักสองปี แต่.. ฉันขอตอบคำถามของนายก่อนก็แล้วกัน อันที่จริงฉันสามารถหาสถานที่แบบนั้นได้อยู่”
“พูดมาเลยครับ”
“ที่นั่นคือสำนักงานนักสืบที่ประกอบด้วยผู้ใช้พลังพิเศษ พวกเขามีหน้าที่จัดการกับพื้นที่สีเทาแล้วก็ปัญหาน่าปวดหัวที่สารวัตรทหารกับตำรวจไม่สามารถรับมือได้ ผู้บริหารของที่นั่นเป็นชายที่มีจิตใจที่ดี เขาอาจจะเติมเต็มความปรารถนาของนายได้”
ดาไซพยักหน้าและหลับตาลงราวกับกำลังนึกถึงบางสิ่งที่แสนสำคัญ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้งพร้อมความมุ่งมั่นในแววตา เขาเอ่ยปากถามชายตรงหน้า
“สำนักงานนั่นชื่ออะไรครับ?”
“ชื่อหรอ? ชื่อของมันคือ––


Dazai Osamu and the Dark Era: จบบริบูรณ์

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ7 ตุลาคม 2559 เวลา 21:26

    ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ7 ตุลาคม 2559 เวลา 21:29

    ขอบคุณมากๆที่แปลจนจบนะค่ะ เพิ่งเห็นนี่แหละว่ามีคนแปลด้วย ชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ พอดีคนที่อวยสุดก็ดาไซซังนี่ละ! พอมีคนแปลไลท์โนเวลให้เลยดีใจมากๆ ขอบพระคุณมากค่า~! // ก้มกราบ(ฮา)

    ตอบลบ
  3. ตายแล้ววว *0* มีคนแปลด้วยล่ะ ขอบคุณคนแปลมากๆเลยค่ะ เราชอบสุดๆไปเลย >< //กราบ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณมากนะคะที่แปลเรื่องนี้ให้จนจบ สำนวนภาษาดีมากเลยค่ะอ่านแล้วลื่นไหลสุดๆ เศร้าใจกับหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่องเลย ; ; ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ