วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Bungou Stray Dogs Index



Bungou Stray Dogs Index






Bungou Stray Dogs' Fanfiction Index



BSD Fan-fiction Index


สารบัญนี้จะลงเฉพาะฟิคของ Bungou Stray Dogs นะคะ Light Novel แปลไทยจะแยกไปอีกสารบัญนึง ( ทางนี้ )

โดยที่เราจะลงฟิคของเรากับชิยูกิซัง ( @Chiyuu_ki ) แยกตามหัวข้อเลยค่ะ


Chiyuu_ki



  • Track 5
          Fan-Fiction
          Pairing : Dazai x Chuuya
          Genre : Drama
          Rated : R

          Link : Part 1 | Part 2


  • The Same Old "You"
          One-Shot
          Pairing : Oda x Dazai
          Genre : Drama
          Rated : PG

          Link : The Same Old "You"

  • Red
          One-Shot
          Pairing : Dazai x Chuuya
          Genre : Romance
          Rated : PG

          Link : Red

  • Gloomy Goodbye
          One-Shot
          Pairing : Oda x Ango
          Genre : Drama
          Rated : PG

          Link : Gloomy Goodbye

  • Happy Thanksgiving
          One-Shot
          Pairing : Akutagawa x Atsushi
          Genre : Romance
          Rated : R

          Link : Happy Thanksgiving


  • In a blink of an eye
          Drabble
          No Pairing
          Characters : Ango, Oda, Dazai
          Genre : Drama
          Rated : PG

          Link : In a Blink of an Eye




Naitear


  • Reach
          One-Shot
          Pairing : Fukuzawa x Ranpo
          Genre : Romance
          Rated : PG

          Link : Reach

          "ใกล้เพียงแค่เอื้อม"

  • The Eternal Memory
          One-Shot
          No Pairing
          Characters : Dazai, Odasaku, Ango
          Genre : Drama
          Rated : PG

          Link : The Eternal Memory

          ความทรงจำที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปชั่วนิรันดร์ และจะยังคงอยู่ถึงแม้ว่าผู้ที่บันทึกมันไว้จะจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม
          เขียนเนื่องในวันที่ 26 ตุลาคมค่ะ (วันเกิดโอดะซาคุ)

  • Even that is the shadow of the large light
          One-Shot
          No Pairing
          Characters : Odasaku, Dazai
          Genre : Drama
          Rated : PG


          ถึงแม้ว่าเสี้ยววินาทีนี้หรือหนทางที่เธอก้าวเดินไปจะเป็นโชคชะตาก็ตาม การที่ฉันจะรั้งเธอไว้นั้น มันคือความเห็นแก่ตัวอย่างนั้นเหรอ ?
          เป็นฟิคจากเพลง Even That is your Happiness ค่ะ (เป็นเพลงภาษาญี่ปุ่น) เจ้าของเพลงแต่งให้กับเพื่อนที่ฆ่าตัวตาย เราฟังแล้วก็เห็นภาพดาไซวันนั้นที่รู้ทั้งรู้ว่าโอดะซาคุกำลังจะไปตายแต่ก็รั้งไว้ไม่ได้
          "ดังนั้นได้โปรด... อย่าไปเลยนะ"


  • A Wish That Will Never Come True
          One-Shot
          Pairing : Odasaku x Dazai x Chuuya
          Genre : Drama
          Rated : PG

          Link : A Wish That Will Never Come True

          ใช่แล้ว เขาจะไปชอบคนที่ในดวงตามีแต่เงาของคนที่อยู่ในอดีตฉายอยู่เต็มไปหมดได้ยังไงกัน
          ฟิคโอดะ < ดาไซ < ชูยะ ที่แต่งในกิจกรรม #BSDSecret ค่ะ



  • Light
          Drabble
          Pairing : Fitzgerald x Fyodor (C)
          Genre : Romance
          Rated : PG

          Link : Light

          แดรบเบิลสั้นๆของคู่เรือผีค่ะ ชอบในความสดใสของอีกคนนึงกับความนิ่งเงียบๆของอีกคนนึง คิดว่าถ้าเจอกันจะต้องน่ารักแน่ๆ
          เป็นสายซี (สลับเพศ) ทั้งคู่นะคะ
          


          















วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

[BSD Fanfiction] Even that is the shadow of a large light


**Spoil Alert: Bungou stray dogs Dazai Osamu and the dark era episodes, Manga Chapter 28**

Characters: Dazai Osamu, Oda Sakunosuke, Kunikida Doppo 

This fan-fiction based on this song :  【手描き文スト】それがあなたの幸せとしても



- - -


Even that is the shadow of a large light





或る未来 笑いあえてる未来

If the future when we can laugh together

ถ้าหากอนาคตที่พวกเราสามารถหัวเราะด้วยกันได้

あと数日後の未来だったのなら

is the future in few days from now

คืออนาคตในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้




พวกเด็กๆเสียชีวิตแล้ว


ไม่ใช่แค่พวกมิมิครู้ที่อยู่ของเด็กๆพวกนั้น แต่รวมไปถึงกำลังพลที่เขาส่งไปเฝ้าดูร้านอาหารตะวันตกแห่งนั้นก็ถูกจัดการไปทั้งหมด ดาไซเม้มปาก รู้สึกว่าตัวของเขาชาไปทั่วร่างเนื่องจากรู้ว่าคนที่จะได้รับผลกระทบที่สุดจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นคือใคร


เมื่อกำมือที่สั่นไว้จนแน่นก็รีบวิ่งออกไป เขาหอบหายใจ นึกถึงดวงตาสีฟ้าอมเทาของคนคนนั้นที่มักจะเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าเดิมเสมอเมื่อพูดถึงเด็กๆกลุ่มนั้น


ดาไซเป็นคนฉลาด เขารู้ดีว่าต่อไปโอดะซาคุจะทำเช่นไร เมื่อจดหมายเชิญมาถึงที่แล้ว โอดะซาคุจะไม่ไปตามกับดักอันร้ายกาจที่ฝ่ายศัตรูวางไว้ให้แล้วได้ยังไงกัน


ดังนั้น… เขาเงยหน้า รู้สึกได้ว่าตัวเองยังคงหอบอยู่เล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า โอดะซาคุนิ่งเงียบ แววตาที่จ้องไปยังพื้นตรงหน้านั้นหม่นเสียจนแทบไม่เห็นแสงสว่าง


เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งหันมา ดาไซก็เผลอกลั้นลมหายใจของตน


ดวงตาสีฟ้าอมเทาคู่นั้นที่มองมายังเขา รวดร้าวเหมือนกับเศษหินที่แตกกระจายและไม่สามารถทำให้กลับคืนมาเป็นดังเดิมได้อีก




許される事すら 許されなくなった シチュエーションならば

In a situation when even what can be forgiven
 turns unforgivable

เมื่อสิ่งที่สามารถให้อภัยได้ กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจให้อภัย

言葉だけが言葉になるわけじゃない

It isn’t only words that can turn into words

ต่อให้เรียบเรียงคำพูดมาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถสื่อไปถึงได้เลย




“...มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละดาไซ ทุกอย่างมันจบแล้ว”


เสียงที่ตอบกลับมานั้นต่ำกว่าที่เคย ดาไซรู้ว่าโอดะซาคุเป็นคนเสียงต่ำ แต่กับครั้งนี้มันแตกต่างไปจากเดิม ดาไซสัมผัสได้ว่าเสียงนั้นทุ้มต่ำและสั่นเล็กน้อยราวกับกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้ และเขาคิดว่าเขารู้ดี รู้ดีว่าภายใต้เสียงนั้นอีกฝ่ายกำลังอดกลั้นความรู้สึกอะไรอยู่


โลกของตัวเขาเองที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังหลุดออกมาอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะว่านี่คือโอดะซาคุ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรั้งโอดะซาคุในตอนนี้ไว้ให้ได้


หากเมื่อดาไซได้สบดวงตาคู่นั้นแล้ว เขาก็รู้ตัวทันทีว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้


แต่ว่า…


ขาของเขาก้าวออกไปตามหลังที่เดินออกห่างไปเรื่อยๆ เสื้อคลุมสีอบอุ่นที่เขามักจะนึกเสมอว่าเหมือนกับเจ้าของมันสะบัดไปตามแรงลม และเมื่อยื่นมือออกไปเพื่อคว้ามันไว้ในมือ ดาไซก็สัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า




その数秒が運命でも その数歩が運命でも

Even if those several seconds, even if those
 several steps were fate

ถึงแม้ว่าเสี้ยววินาทีนี้หรือหนทางที่เธอก้าวเดินไปจะเป็นโชคชะตาก็ตาม

その決意を止めるのは我儘(わがまま)か

Would it be selfish to stop your resolve?

การที่ฉันจะรั้งเธอไว้นั้น มันคือความเห็นแก่ตัวอย่างนั้นเหรอ?

行かないで 行かないで 行かないで 今は

Don't go. Don't go. Don't go. Now

ในตอนนี้ อย่าไปเลยนะ อย่าไปเลยนะ อย่าไปเลย




“โอดะซาคุ!”


เสียงที่เขาตะโกนออกไปนั้นดังก้องกังวาน แต่มันกลับไม่สามารถรั้งคนที่กำลังเดินจากไปได้เลย ท้องฟ้าคำราม สายฝนตกลงมาท่ามกลางความมืดหม่น สายฟ้าแลบแปลบปลาบราวกับกำลังต้องการหยอกล้อถึงความโหดร้ายของโชคชะตา


ดาไซก้มลงมองมือที่ห่อหุ้มไปด้วยผ้าพันแผลของตนเอง คำพูดของตัวเองที่เคยพูดกับอันโกะในบาร์ดังขึ้นมาในหัว


สิ่งที่ไม่อยากสูญเสีย ฉันมักจะเสียมันไปตลอด


สิ่งที่มีค่าให้ฉันต้องการทุกๆสิ่ง ในวินาทีที่ฉันคว้ามาได้ มันก็จะหายไปเสมอ


เขากำมือที่เปียกชุ่มของตัวเอง รู้สึกเหน็บหนาวกับสายฝนที่เทลงมาจนตัวสั่นระริก แต่ก็หันกลับไปและเดินไปอีกทาง




あなたが 目指してた地点は暗くはないか

Isn’t the destination that you’re aiming for dark

ปลายทางที่เธอต้องการจะไปนั้น มันคือความมืดหม่นไม่ใช่เหรอ?

それが大きな光の ただの影だとしたら

If that is simply the shadow of a large light

ถ้าหากว่ามันเป็นเงามืดในแสงสว่างเจิดจ้าแล้วล่ะก็

あなたが 旅立つ場所へ行かせたくはないな

I don’t want to let you go to the place you head towards

ฉันก็ไม่อยากให้เธอไปยังสถานที่แห่งนั้นเลย

例えばその先で 静かに眠れても

Even if you fall into a quiet sleep at the end of that journey

ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหลับอย่างสงบได้ในปลายทาง

それがあなたの幸せとしても

Even if that is your happiness

ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นความสุขของเธอก็ตาม




เมื่อเขาไปถึงสถานที่แห่งนั้น มันก็ถูกย้อมไปด้วยสีเลือด ศพของมิมิคและกำลังเสริมจากพอร์ทมาเฟียนอนตายเกลื่อนกลาดอยู่ในห้องโถง เสียงปืนนัดสุดท้ายดังลั่นก่อนที่เขาจะเข้าไปขวางการต่อสู้ไว้ได้ทัน ดาไซได้ยินเสียงกระซิบขึ้นที่ข้างหูตนว่ามันสายไปแล้ว


เลือดของโอดะซาคุเปรอะเต็มมือ เขาทรุดลงนั่งที่ด้านข้างร่างของเพื่อนตัวเองที่ซีดเผือดลงทุกที ละล่ำละลักว่าจะต้องช่วยไว้ให้ได้ จะต้องช่วยไว้ให้ทัน


หากมือสั่นๆนั่นกลับคว้าใบหน้าของเขาไว้ เสียงทุ้มต่ำที่เขาคุ้นเคยกับมันเหลือเกินเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาดเสียจนเขาตกใจ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้าพูดถึงมัน ไม่คิดว่าจะมีใครรับรู้ถึงมันได้


อา เขาเจอแล้ว ในที่สุดเขาก็เจอคนที่เข้าใจเขาสักที


แต่.. อีกแล้ว เป็นเหมือนกับทุกครั้ง เมื่อไหร่ที่เจอกับสิ่งสำคัญจนอยากจะรักษาให้มันคงอยู่ตลอดไป สิ่งนั้นก็มักจะลื่นหลุดจากมือของเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของนอกกาย มิตรภาพ หรือชีวิตของคนคนหนึ่งก็ตาม


“โอดะซาคุ… ถ้าอย่างนั้นฉันควรจะทำยังไงดี”


“ฉันอยากให้นายอยู่ในด้านที่ช่วยคน”


โอดะซาคุกล่าว เสียงของเขาแหบแห้งลงทุกขณะ มันทำให้ดาไซเผลอกระชับบ่าของคนที่อยู่ตรงหน้าไว้แน่น เขาหวังให้มันเป็นความฝันเหลือเกิน หวังให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายของใครสักคน เพื่อที่เขาจะได้ตื่นมาพบกับเสียงทุ้มต่ำคุ้นหูที่มักจะได้ยินทุกครั้งในบาร์ลูแปงและกลิ่นบุหรี่อันชวนให้คุ้นเคยจากร่างตรงหน้านี้อีก


ในวาระสุดท้าย โอดะซาคุยิ้มออกมาบางๆ เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความถวิลหาและความสุข ความถวิลหาถึงเด็กพวกนั้นที่เขารักสุดหัวใจและกำลังจะได้ไปพบในอีกไม่ช้านี้ ความสุขที่ได้ทำบางอย่างลุล่วงไปได้สำเร็จและไม่คิดจะเสียใจภายหลัง


มือของโอดะซาคุที่จับใบหน้าของเขาไว้ร่วงลงไปที่พื้น ดาไซเม้มปากแน่น ไม่มีน้ำตาไหลออกมา


หากมือของเขาสั่น มือคู่นั้นที่กุมบ่าอันอบอุ่นของคนตรงหน้าเอาไว้ ถึงอุณหภูมิร่างกายของโอดะซาคุจะค่อยๆลดลงไปตามเวลาที่ผ่านไป แต่ดาไซกลับยังไม่อยากปล่อยมือจากร่างนี้ ยังอยากเหนี่ยวรั้งไว้ให้ถึงที่สุดถึงแม้ว่ามันจะสายไปแล้วก็ตาม


เขาคิดว่าเขาเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดที่สุดก็คราวนี้เอง




あなたが 抱えてる今日は救えやしないか

Can’t the today that you are shouldering be saved anymore?

วันนี้ที่เธอแบกรับไว้ไม่สามารถถูกช่วยไว้ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?

それでもその肩に 優しさを乗せたなら

Even so, if you are carrying kindness on your shoulders

ถึงจะเป็นอย่างนั้น ถ้าหากว่าความอ่อนโยนได้สัมผัสไหล่คู่นั้นของเธอแล้วล่ะก็

その愛を 感じられるだろうか

Would you be able to feel love that I gave you?

เธอจะรับรู้ถึงความรักที่ฉันมีให้เธอหรือเปล่านะ?




.
.
.






“...หนังสือ ?”


อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ เห็นว่าเป็นเพราะต้องการที่จะชุบชีวิตภรรยาและลูกสาว จึงต้องการหนังสือนั้นมาให้ได้ มันเป็นหนังสือที่ไม่ว่าจะใช้พลังไหนก็ไม่อาจทำลายได้ หนังสือที่มีพลังในการชุบชีวิตคน”


“เห…” ดาไซลากเสียงยานคางขณะที่ไถลมือไปตามพื้นโต๊ะเล่น “น่าเบื่อจังเลยนะ”


คุนิคิดะขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่าดาไซเป็นคนแปลก แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นกล่าวออกมาได้ว่าสิ่งที่เป็นเป้าหมายของกิลด์และทำให้ฟิตซ์เจอรัลด์ผู้เป็นผู้นำขององค์กรเกือบทำลายโยโกฮาม่าเพื่อให้ได้มันมานั้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว


ชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นคืนกลับมา… ในคราวที่เขาฟังคำนั้นครั้งแรกก็รู้สึกว่าส่วนหนึ่งในใจตัวเองกระตุกไปเช่นกัน


ดวงตาสีเขียววูบไหวไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะดันแว่นขึ้นเพื่อกลบเกลื่อน เอ่ยออกมาเสียงกร้าวเหมือนเช่นทุกที “หา!? แล้วถ้าแกมีพลังอย่างนั้น ก็จะไม่ใช้มันเพื่อชุบชีวิตใครเลยรึไง?”


ดาไซฟังคำนั้นแล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง สักพักก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มบางออกมา ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังผ้าพันแผลของตนราวกับกำลังถวิลหาถึงอะไรบางอย่างก่อนจะเอ่ยตอบ “ถ้าหากฉันทำ.. เขาจะต้องโกรธมากแน่ๆที่ฉันพรากเขามาจากเด็กๆพวกนั้น”


“หา..” คุนิคิดะส่งเสียงตอบอย่างไม่เข้าใจ แต่ดาไซเงียบไปแล้ว มองไปยังข้างนอกหน้าต่าง


ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นมองไปยังท้องฟ้า มองไปยังสายลม มองไปยังสถานที่ที่ไกล ไกลออกไปเสียจนไม่สามารถเอื้อมไปถึงได้


นั่นเป็นอีกครั้งหนึ่งที่คุนิคิดะคิดว่าคงจะไม่สามารถเข้าใจดาไซไปได้ตลอดกาล.




- - -






วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

[BSD Fanfiction] Happy Thanksgiving

Bungou Stray Dogs Fanfiction: Happy Thanksgiving
Pairing: Akutagawa Ryunosuke x Nakajima Atsushi
Genre: Romance
Rated: R
Writer: Chiyuu_ki


เดือนพฤศจิกายน
ลมเย็นของฤดูหนาวที่กำลังใกล้เข้ามาเริ่มพัดผ่านตัวเมืองอันพลุกพล่าน ห้างสรรพสินค้ารวมถึงร้านรวงตามริมถนนเริ่มประดับประดาไปด้วยแสงไฟสดใสรับกับเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังจะมาถึง
บรรยากาศดีๆที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศทำให้เมืองโยโกฮาม่าที่แสนวุ่นวายดูรื่นรมย์ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่เว้นแม้แต่องค์กรผู้ใช้พลังพิเศษที่แสนโหดเหี้ยมอย่างพอร์ทมาเฟียและสำนักงานนักสืบบุโซที่มักจะมีปัญหาให้ฟาดฟันกันอยู่บ่อยๆก็ต่างพักรบกันชั่วคราว
"วันขอบคุณพระเจ้าหรอครับ?"
เด็กหนุ่มผมเงินเงยหน้าขึ้นจากแผ่นเอกสารและสบตากับคู่สนทนา คุนิคิดะ ดอปโป ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกระดาษโน้ตที่จดรายการสิ่งที่ต้องซื้ออยู่ในมือ รายการสิ่งของนั้นยาวเหยียดผิดกับเดือนที่ผ่านๆมา
"อ่า วันขอบคุณพระเจ้า นายรู้จักใช่ไหม?"
อัตสึชิพยักหน้า วันขอบคุณพระเจ้าที่กำลังจะมาถึงตรงกับวันพฤหัสที่สี่ของเดือนพฤศจิกายน เป็นวันเลี้ยงฉลองขอบคุณพระเจ้าที่อวยพรให้พวกเขามีความสุขทั้งกายและใจตลอดปีที่ผ่านมาและเป็นวันที่สมาชิกในครอบครัวทุกคนจะอยู่กันพร้อมหน้าและรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน ถึงเขาจะมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นักเกี่ยวกับวันขอบคุณพระเจ้าขณะที่เขายังอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แต่เขาก็ยังจำได้ขึ้นใจถึงอาหารมากมายและขนมอร่อยๆในวันนั้น
"ฉันเอานี่มาให้นายก่อน เผื่อขาดเหลืออะไรจะได้รีบซื้อก่อนที่ของจะหมดซุปเปอร์" อัตสึชิรับกระดาษโน้ตมาจากมืออีกฝ่ายพร้อมพับเก็บลงในกระเป๋ากางเกง
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน เด็กหนุ่มเก็บของและร่ำลาทุกคนอย่างไม่รีบร้อน เสียงของคุนิคิดะดังขึ้นย้ำให้เขาจัดการซื้อของให้เรียบร้อยซะภายในอาทิตย์นี้
อัตสึชิเดินออกจากอาคารอิฐแดงและทอดน่องไปตามถนน เขากระชับโค้ทสีเข้มตัวยาวและซุกมือลงไปในกระเป๋าเสื้อเมื่อลมเย็นๆพัดผ่านมา เด็กหนุ่มเดินผ่านหน้าซุปเปอร์เจ้าประจำที่มักมาซื้อของลดราคากับคุนิคิดะไปเมื่อเห็นคนมากมายกำลังยืนออกันอยู่ตรงทางเข้าเพื่อแย่งกันซื้อผลไม้สดๆที่เพิ่งถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศ
"อืม.. เอาไว้ค่อยซื้อพรุ่งนี้ก็แล้วกัน" เมื่อตัดสินใจได้แบบนั้น เด็กหนุ่มผมเงินก็เดินตรงกลับที่พักของตัวเอง หรือจะให้เรียกอีกอย่างคือบ้านหลังใหม่ที่เขาเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่เมื่อไม่นานมานี้
เขาไขกุญแจเข้าไปด้านในและถอดเสื้อโค้ทสีเข้มแขวนไว้ที่ราวข้างประตู ในห้องเงียบสนิท อัตสึชิทรุดกายนั่งลงบนโซฟาหน้าทีวีพลางนึกถึงวันขอบคุณพระเจ้าที่กำลังใกล้เข้ามา
ทำไมถึงต้องขอบคุณพระเจ้า
ขอบคุณสำหรับทุกวันที่ได้มีชีวิตอยู่
ขอบคุณสำหรับอาหารที่ได้กินในแต่ละมื้อ
แค่นั้นล่ะมั้ง?
ตั้งแต่เด็ก เขาไม่เคยจริงจังกับเทศกาลนี้เท่าไหร่ คงเป็นเพราะชีวิตวัยเด็กที่ไม่ได้ดีนักทำให้เขาไม่เคยนึกขอบคุณพระเจ้าเลยซักครั้ง ทั้งถูกแกล้ง ถูกใส่ร้ายและถูกเหยียดหยามจากผู้คนรอบตัว แม้แต่ในวันขอบคุณพระเจ้า ขนมอร่อยๆที่คนอื่นได้กินกันอย่างอิ่มหนำ เขากลับถูกแย่งไปจนเหลือเพียงครึ่งชิ้น
เด็กหนุ่มถอนหายใจ เขาหยิบหมอนใบใหญ่ขึ้นมากอดและหลับตาลง ความคิดที่โลดแล่นอยู่ในหัวทำให้เขาไม่รู้สึกถึงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
"ทำอะไรอยู่"
เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังพร้อมลมอุ่นๆที่เป่าลงรดข้างใบหู อัตสึชิสะดุ้งเฮือกพร้อมหันกลับไปหาเด็กหนุ่มผมดำที่เดินเข้ามาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
"กลับมาแล้วหรอ อาคุตะกาวะ"
"อ่า" อีกฝ่ายส่งเสียงตอบรับเบาๆก่อนเดินอ้อมมานั่งบนโซฟา อัตสึชิมองเด็กหนุ่มผมดำที่วันนี้ดูเหมือนจะเสร็จภารกิจเร็วกว่าปกติก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา
อาคุตะกาวะ ริวโนะสึเกะ ศัตรูคู่ปรับที่ตอนนี้กลายมาเป็นคนรักของเขาอย่างเต็มตัว เด็กหนุ่มผมดำยกเท้าขึ้นพาดโต๊ะตัวเตี้ยหน้าโทรทัศน์ด้วยท่าทีผ่อนคลายก่อนเหลือบสายตาสบกับนัยน์ตาสดใสที่มองมา
"มีอะไร?"
"อ่ะ.. เปล่าหรอก ฉันแค่กำลังนึกถึงเรื่องเก่าๆอยู่น่ะ" อัตสึชิยกมือขึ้นโบกไปมาพร้อมยกยิ้มแห้งๆ "จะว่าไป.. ที่สำนักงานมีจัดงานวันขอบคุณพระเจ้าด้วยนะ วันนั้นนายจะกลับมากินข้าวพร้อมกันที่บ้านรึเปล่า ฉันจะได้ซื้อของเพิ่ม"
"วันขอบคุณพระเจ้า..?" อาคุตะกาวะเลิกคิ้วขึ้น แววตาแห่งความแปลกใจสะท้อนอยู่ในลูกแก้วสีดำขลับ "ไร้สาระ.. ของแบบนั้นไม่จำเป็น"
อัตสึชิหัวเราะแห้งๆออกมาเมื่อได้ยินคำตอบที่ตนคิดเอาไว้ "นั่นสินะ สำหรับฉัน เทศกาลแบบนี้ก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ แต่คุนิคิดะซังสั่งให้ซื้อของเยอะแยะแบบนี้ทุกคนคงจะตั้งตารอกันน่าดู.. เอ๋"
เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบเมื่อปลายนิ้วเย็นๆสัมผัสเข้าที่แก้มของตน อาคุตะกาวะขยับเข้ามาใกล้พร้อมเสียงทุ้มที่ถูกเปล่งออกมา
"เป็นอะไร ทำไมถึงทำหน้าอย่างนั้น"
อัตสึชินิ่งไปด้วยความแปลกใจ เขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขามีสีหน้าอย่างไร แต่ความคลางแคลงใจที่ปรากฏอยู่ในแววตาของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาเกิดใจแป้วขึ้นมา
"ฉะ.. ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย นายคิดมากไปแล้วล่ะ"
แต่ดูเหมือนว่าทักษะการโกหกของเขาก็ยังคงห่วยแตกเช่นเคย เด็กหนุ่มผมดำถอนหายใจพร้อมดึงอีกฝ่ายเข้ามา ฝ่ามือบังคับให้ศีรษะทุยแนบลงบนไหล่ของตัวเอง
"ฉันรู้ว่านายเป็น อย่าโกหก" อาคุตะกาวะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดุๆเรียกเสียงหัวเราะแห้งๆจากเด็กหนุ่มผมเงิน
"ฉันแค่กำลังนึกถึงวันขอบคุณพระเจ้าเมื่อตอนที่ฉันยังอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะ ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องー"
ยังไม่ทันจบประโยค ริมฝีปากของอีกฝ่ายก็แนบสนิทลงบนกลีบปากนิ่ม อัตสึชิเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจก่อนที่อาคุตะกาวะจะยิ่งบดเบียดริมฝีปากเข้าหาจนริมฝีปากของเขาเผยอขึ้น เรียวลิ้นอุ่นถูกส่งเข้ามา กระหวัดเกี่ยวกับลิ้นของเขาด้วยความโหยหา ความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านมาทำให้อัตสึชิค่อยๆปิดเปลือกตาลงและจมลงสู่ความรู้สึกที่เขาไม่สามารถอธิบายได้
จูบของอาคุตะกาวะมักร้อนแรง แต่บางครั้งก็กลับนุ่มนวลอ่อนโยนราวกับจะปลอบประโลมสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาอยู่นั้นให้สลายไป ก่อนที่อัตสึชิจะรู้สึกถึงฝ่ามือของอีกฝ่ายที่แนบลงมาข้างลำตัว ลูบผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาว ก่อนที่กระดุมจะถูกปลดออกทีละเม็ด
เด็กหนุ่มผมดำละริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าของคนใบอ้อมกอดเริ่มขึ้นสีเรื่อ ริมฝีปากที่เจ่อขึ้นจากการจูบเรียกรอยยิ้มปรากฏขึ้นใบหน้าคมคาย เขาดันอีกฝ่ายให้เอนกายลงกับโซฟาและแทรกหัวเข่าลงที่ระหว่างเรียวขาทั้งสองข้างของร่างด้านล่าง
เสื้อเชิ้ตถูกถอดออกไป ผิวขาวของอีกฝ่ายปรากฏแก่สายตาของอาคุตะกาวะ ความรู้สึกพุ่งพล่านคุกรุ่นขึ้นทุกครั้งเมื่อเขาได้เห็นผิวกายเปลือยเปล่าของคนตรงหน้า ความอบอุ่นจากร่างของอัตสึชิที่ทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ได้สัมผัส
"อาคุตะกาวะ.." เด็กหนุ่มผมเงินครางเสียงแผ่วเมื่อริมฝีปากของอีกฝ่ายแนบลงมาบนต้นคอ คมฟันที่ขบเบาๆทำเอาเขาสะดุ้งเฮือกก่อนที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายจะไล่ลงไปยังเบื้องล่างและถอดกางเกงของเขาออกอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นานร่างทั้งร่างของอัตสึชิก็เปลือยเปล่า เด็กหนุ่มเม้มปากแน่นและเบือนใบหน้าหนีสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมา อาคุตะกาวะไล้ปลายนิ้วไปยังผิวขาว ฟอนเฟ้นต้นขาของอีกฝ่ายด้วยฝ่ามือพร้อมริมฝีปากที่ขบเม้มฝากรอยแดงไว้ตามแผ่นอกบาง
"อ.. อ่ะ.." อัตสึชิหลับตาแน่น ปล่อยให้อีกฝ่ายชักนำความรู้สึกของตนให้ลอยออกไป ลมหายใจร้อนถูกปล่อยออกมาเพื่อคลายความประหม่าที่เกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะสะดุ้งเฮือก ลาดไหล่บางสั่นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงฝ่ามือกร้านที่กำลังมอบสัมผัสวามหวามให้กับส่วนอ่อนไหวของตน
"อ้าปากซะ" อาคุตะกาวะเอ่ยสั้นๆ อัตสึชิอ้าปากขึ้นก่อนที่ปลายนิ้วของอีกฝ่ายจะแทรกเข้ามา
เด็กหนุ่มผมเงินสำลักเล็กน้อยเพราะเรียวนิ้วที่อยู่ในปากแต่เขาก็ดูดดุนปลายนิ้วที่แทรกเข้ามาอย่างว่าง่าย ใบหน้าหวานขึ้นสีเรื่อยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความต้องการของอาคุตะกาวะ
อาคุตะกาวะถอนนิ้วออกจากโพรงปากอุ่น ฝ่ามืออีกข้างที่กำลังหยอกล้อกับส่วนอ่อนไหวของอัตสึชิยังคงทำหน้าที่อย่างไม่บกพร่อง เด็กหนุ่มใต้อาณัติของเขาบิดเกร็ง แผ่นหลังแอ่นขึ้นจากโซฟาเมื่อความต้องการพุ่งขึ้นมาจนใกล้ถึงจุดสูงสุด
และโลกทั้งใบก็กลายเป็นสีขาว
อัตสึชิหอบหายใจถี่ นัยน์ตาสีสดปรือปรอยมองใบหน้าของคนรักที่โน้มลงมาใกล้อย่างเลื่อนลอยก่อนจะรู้สึกถึงริมฝีปากของอีกฝ่ายที่แนบจูบลงมาเบาๆ
"อ.. อืม.. " เขาครางเสียงแผ่วในลำคอขณะที่เรียวขาทั้งสองข้างถูกยกขึ้นก่อนปลายนิ้วที่เปียกชุ่มของอาคุตะกาวะจะค่อยๆแทรกเข้ามาในร่าง อัตสึชิขมวดคิ้วมุ่น ปลายนิ้วจิกเกร็งลงบนโซฟาเมื่ออีกฝ่ายพยายามแทรกนิ้วที่สองเข้ามาจนสุด ริมฝีปากบางเปล่งเสียงครางอย่างไม่ได้ศัพท์
ช่องทางอุ่นที่กำลังตอดรัดปลายนิ้วทำให้อาคุตะกาวะเริ่มหมดความอดทน เขาขยับปลายนิ้วเข้าออกให้อีกฝ่ายคุ้นชินจนช่องทางคับแน่นนั้นเริ่มคลายตัวลง
"พร้อมหรือยัง" อาคุตะกาวะเอ่ยถาม เขาใช้มืออีกข้างปลดซิปกางเกงลงจนความเป็นชายที่แข็งขืนปรากฏแก่สายตาของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มผมดำใช้ฝ่ามือรูดรั้งแท่งกายของตนก่อนจะกดส่วนปลายให้จมลงในช่องทางอุ่นโดยไม่รอให้อัตสึชิได้เอ่ยตอบ
"อัตสึชิ.. อย่าเกร็ง.." มือสังหารแห่งพอร์ตมาเฟียครางเสียงต่ำในลำคอขณะพยายามแทรกกายเข้าไปในความอ่อนนุ่มของคนรัก ฝ่ามือบางเกาะเกี่ยวรอบบ่าของเขา เสียงครางหวานดังขึ้นทันทีเมื่ออาคุตะกาวะชำแรกเข้าไปจนสุด
เด็กหนุ่มผ่อนลมหายใจหนักๆและปล่อยให้อีกฝ่ายได้ปรับตัวซักพักก่อนจะเริ่มขยับอีกครั้ง เขาถอนแท่งกายออกมาจนเกือบสุดความยาวและแทรกกายกลับเข้าไปใหม่ เรียกเสียงครางจากริมฝีปากบางได้เป็นอย่างดี
อาคุตะกาวะขยับกายอย่างเชื่องช้าเพียงชั่วครู่ก่อนจะเร่งจังหวะขึ้น เขาใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างประคองสะโพกมนเอาไว้ให้ได้องศาก่อนจะเพิ่มความหนักหน่วงในการสอดใส่ขึ้นอีกระดับ
"อะ.. อาคุตะ.. อ.."
เสียงหอบครางและเสียงเนื้อกระทบกันอันน่าอายดังก้องขึ้นในห้องเงียบ ผิวของเด็กหนุ่มทั้งสองต่างเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ อาคุตะกาวะกระแทกกายเข้าหาอีกฝ่ายอย่างรุนแรงจนเด็กหนุ่มใต้ร่างแทบสะดุดลมหายใจของตัวเอง
อัตสึชิยกแขนขึ้นคล้องรอบคอของอาคุตะกาวะ นัยน์ตาสีสดปรือปรอยมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความต้องการของอีกฝ่าย ความคิดในหัวของเขาถูกอาคุตะกาวะครอบงำจนหมดสิ้น
เพียงไม่นานเขาก็ถูกกระตุ้นเร้าจนถึงจุดสูงสุด เด็กหนุ่มผมเงินจิกปลายเท้าลงกับเบาะโซฟาและปลดปล่อยออกมาเป็นครั้งที่สอง ริมฝีปากบางครางเรียกชื่ออาคุตะกาวะไม่ขาดก่อนที่อีกฝ่ายจะโน้มตัวลงมากกกอดเขาเอาไว้และปลดปล่อยออกมาในช่องทางอุ่น
"อัตสึชิ.." อาคุตะกาวะเอ่ยเรียกชื่อของคนรักด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ปลายจมูกฝังลงบนต้นคอขาวพร้อมแนบจูบลงบนผิวเนียนด้วยความหลงใหล
อัตสึชิผ่อนลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน เด็กหนุ่มผมเงินฟังเสียงหัวใจของพวกเขาทั้งสองคนที่เต้นประสานกันในความเงียบก่อนที่อาคุตะกาวะจะถอนแกนกายออกและขยับลงมานอนข้างๆ ใช้เรียวแขนโอบกอดเขาเอาไว้
ก่อนที่ความคิดบางอย่างจะผุดขึ้นมาในหัว เรียกรอยยิ้มบางฉาบบนใบหน้าหวาน
อัตสึชิหันไปมองใบหน้าของคนรักในระยะประชิดก่อนจะพบนัยน์ตาสีดำขลับที่กำลังจ้องมองเขากลับมาเช่นกัน
บางทีวันขอบคุณพระเจ้าปีนี้ของเขาอาจจะพิเศษกว่าปีอื่นๆก็เป็นได้
.
.