"ขอร้องล่ะค่ะ"
เขาคิดว่า... ในวินาทีนั้น เขาเข้าใจความรู้สึกของโอไก โมริ, บอสของพอร์ทมาเฟียซึ่งมีงานอดิ
เรกนิยมชมชอบเด็กผู้หญิงอายุต่
ำกว่า 12 ปีลงไปขึ้นมา
เมื่อนึกถึงดวงตาสีน้ำเงินใสแจ๋
วของเด็กสาวแล้ว ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ไพล่คำนึงไปถึง(คนที่ดูเหมื
อนจะเป็น)'เด็กหนุ่ม'อีกคนหนึ่
งซึ่งปิดตาเอาไว้แทบจะตลอดเวลา รอยยิ้มที่ฉีกกว้าง ตัวตนที่ทำให้สำนักงานนักสืบยั
งคงดำรงอยู่ได้
หรือถ้าหากจะให้พูดในทางกลับกัน
, คือคนที่ทำให้สำนักงานนักสืบแห่
งนี้ถือกำเนิดขึ้นมา
เขายกแก้วน้ำชาที่ซื้อมาจากร้
านถ้วยชามชิโมะมูระข้างๆบริษั
ทขึ้นมาจิบ พึมพำว่าร้อนตามความเคยชิ
นขณะพลิกหน้ากระดาษเอกสารที่
วางอยู่บนโต๊ะ เหล่มองนาฬิกา.. ดึกแล้ว เลยเวลาที่เด็กคนนั้นมักจะมาที่
นี่ได้ประมาณสักยี่สิบนาที ...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ ?
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ประตูห้องทำงานก็เปิดผางโดยไม่
มีการเคาะประตูเตือนมาก่อน 'เด็กคนนั้น'ที่เพิ่งจะถูกนึกถึ
งไปเมื่อครู่เดินเข้ามาที่โต๊
ะทำงานแล้วปีนขึ้นมานั่งบนนั้
นเหมือนอย่างเคย ไม่ได้สนใจสักนิดว่ากำลังนั่งทั
บเอกสารงานสำคัญหลายๆอย่างอยู่ อายุ26แต่กลับยังเหมือนกับเป็
นเด็กเหมือนอย่างที่เพื่อนร่
วมงานได้ว่าไว้, เอโดงาวะ รัมโป
ใบหน้านั้นดูไม่สบอารมณ์ และเจ้าตัวก็ไม่ได้กล่าวทั
กทายหรือกวนประสาทเขาเหมือนอย่
างเคย คิ้วขมวดมุ่น มือทั้งสองกอดไว้ที่หน้าอกราวกั
บจะกล่าวโทษอะไรสักอย่าง ท่าทีบ่งบอกชัดนักว่าไม่พอใจ ทว่าตัวเขาเองไม่ได้แสดงท่าที
อะไร เพียงแค่เอ่ยถามขณะยังไม่เงยหน้
าไปจากเอกสารที่ถืออยู่ในมือ "เป็นอะไร"
ปากเรียวเม้มแน่นก่อนจะเอ่
ยออกมา "ประธานถูกใจเด็กใหม่คนนั้นน่
าดูเลยนี่" คงจะหมายถึงอิสึมิ เคียวกะ "ถึงขั้นยอมบอกตำรวจว่าเป็นหลาน
"
เขาตอบกลับไปอย่างเรียบๆ "ถ้าหากฉันไม่ทำอย่างนั้น เธอก็คงถูกตำรวจจับไปแล้ว"
เจ้าตัวได้ยินดังนั้นก็ยิ่งคิ้
วขมวดเข้าไปใหญ่ ดันตัวลุกออกจากโต๊ะ เดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิด "ก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน ทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเด็กเสื
อคนนั้น ถึงขั้นยกเลิกงานเลยนะ! ผมไม่เห็นเข้าใจเลย"
เขาพอจะเข้าใจขึ้นมาสักหน่อยแล้
วว่าสาเหตุที่รัมโปหงุดหงิดอย่
างนี้มันเป็นเพราะอะไร "ทั้งสองคนเป็นสมาชิกของสำนั
กงานนักสืบ ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกั
บพวกเขา ทุกคนที่นี่ก็จะต้องช่วยอยู่แล้
ว"
และใบหน้าแบบนั้นก็มา ใบหน้าจนใจแบบที่เถียงอะไรไม่
ได้แต่ก็ขัดใจอยู่ในทีของรัมโป เจ้าตัวเดินกลับไปนั่งที่
โซฟากลางห้อง ยกเข่าขึ้นกอดพลางเอ่ยเสียงเบา "...จะช่วยพวกเขาแล้วทิ้งผมหรื
อไง"
ประธานของสำนักงานนักสืบขมวดคิ้
ว คราวนี้ยอมเงยหน้าจากเอกสารในมื
อเสียที มองตรงๆไปยังคนที่เมื่อสักครู่
ดื้อแถมยังก่อกวนเหลือเกินแต่
ในตอนนี้กลับทำหน้าราวกับลู
กหมาถูกทิ้ง ..แล้วความคิดก็กระจ่างชัด รัมโปมักจะทำนิสัยแบบนี้เสมอ แบบที่เขาเห็นมาตั้งนานแล้ว
รัมโปนิสัยเอาแต่ใจ ถึงจะร่าเริงตลอดเวลาแต่ก็
อวดเก่ง ดื้อเป็นที่หนึ่ง จึงไม่ค่อยมีคนชอบเขานัก มีคนในสำนักงานมาเล่าให้ฟังว่
าไปแสดงนิสัยอย่างนั้นให้
ตำรวจคนนั้นเห็นจึงไม่ชอบขี้หน้
า ยังดีที่ไขคดีเสียจนได้รั
บการยอมรับ แต่เหตุการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้
นได้บ่อยสักแค่ไหนกัน
ดังนั้นเมื่อรัมโปให้ความสำคั
ญกับใคร เขาจะหวงคนคนนั้นมาก เหมือนพี่ที่กลัวว่าจะถูกน้
องแย่งความรักไป เหมือนรัมโปที่กลัวว่าจะถู
กสองคนนั้นแย่งความสนใจจากเขาไป ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุให้เจ้าตั
วมานั่งหงุดหงิดใจอยู่ตรงนี้
หากจะนอกเรื่องไปจากเดิมสักหน่
อย เขาคงต้องยอมรับว่าเขาชอบแมวมาก ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่
ชอบเขาเลยก็ตาม แมวเป็นสัตว์ที่อวดดี หยิ่งผยองในศักดิ์ศรี ในเวลาที่อารมณ์ดีก็มั
กจะมาคลอเคลียใกล้ๆ แต่หากอารมณ์ไม่ดีก็สะบัดหน้
าใส่ เดินจากไปหรือแม้แต่ข่วนให้ได้
รอยแผล... บางทีเขาก็อดเปรียบเทียบกับรั
มโปไม่ได้ แมวและเด็กคนนั้นให้บรรยากาศคล้
ายกันเหลือเกิน
ในยามอารมณ์ดีก็จะมาคลอเคลี
ยใกล้ๆ รอยยิ้มร่าเริง น้ำเสียงสดใสหรือแม้แต่ท่าที
เอาแต่ใจที่เขาเห็นจนชินตา อุณหภูมิอุ่นๆหรือแม้แต่กลิ่
นหอมที่บางครั้งก็โชยมาจากร่
างที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนโต๊
ะทำงานของเขา ท่าทางขี้เกียจและเบื่อหน่
ายเหมือนแมว.. ในยามที่อารมณ์เสียก็เดินหนี
ไปไม่ก็ทำหน้างอง้ำใส่ จะบอกว่าไม่เหมือนได้อย่างไร
และสิ่งที่เหมือนกันอีกอย่
างของทั้งสองอย่างคือ,
เขาชอบมันเหมือนกัน
เขาเดินเข้าไปใกล้โซฟา รู้สึกว่าเจ้าตัวขยับขาที่
กอดไว้นิดหน่อยอย่างประหม่
าราวกับกลัวนักว่าเขาจะตำหนิหรื
อทำอะไร ถึงจะบอกว่าอายุ26แต่ก็ห่างกั
บเขาเกือบสิบปี ...รวมไปถึงท่าทางอย่างนั้นอีก เขาจะถูกเหมารวมว่าเป็
นพวกชอบเด็กเหมือนกับโอไก โมริหรือเปล่านะ ?
เขาไม่ได้จะทำอะไรอย่างที่เด็
กคนนี้คิดกลัวไปก่อน ที่จริงแล้วเพียงแค่ยกมือไปลู
บหัวกระเซิงนั้น พลางกล่าวเสียงเบา "สำหรับฉัน... นายก็คือนาย ไม่มีใครสำคัญไปกว่าใคร"
สังเกตเห็นดวงตาสีเขียวนั้นเบิ
กกว้างขึ้น มองเขาอย่างตกตะลึง ...คิดไปได้อย่างไรกันนะว่
าเขาชอบอิสึมิ เคียวกะมากกว่า ไม่ว่านัยน์ตาสีน้ำเงินนั้
นจะใสสักแค่ไหน ก็สู้สีเขียวประกายงดงามที่
เขาไม่ค่อยได้เห็นนักของเด็
กคนนี้ไม่ได้หรอก
เหมือนกับถูกมนตร์สะกด รู้สึกตัวอีกทีใบหน้าค่อยๆเลื่
อนไปใกล้ยิ่งขึ้น สัมผัสได้ถึงลมหายใจตื่
นตระหนกของอีกฝ่ายและใบหน้
าของคนตรงหน้าที่ยิ่งแดงเรื่อขึ
้นทุกที เพียงอีกนิดริมฝีปากก็จะสัมผั
สกัน เขาหยุด จ้องเข้าไปที่ดวงตาสีสวยนั้
นพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย
จะรู้ไหมนะ จะสื่อไปได้ไหมนะว่าฉันต้
องการจะบอกอะไรกับนาย
แต่สำหรับนายก็คงจะเป็นเรื่องง่
ายที่จะรู้อยู่แล้วใช่ไหม เอโดงาวะ รัมโป
---