วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

[BSD Trans] Dazai Osamu and the dark era: Chapter 4 [6/8 แปลไทย]

คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 2: Dazai Osamu and The dark era: Chapter 4
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Chiyuu_ki
← Previous: Chapter 4 Part 5
ผมเดินผ่านสนามรบเมื่อครู่เข้ามายังอีกห้อง มันเป็นห้องโถงสำหรับจัดงานเลี้ยงที่มีเพดานยกสูง ห้องแห่งนี้กว้างมากพอที่จะจัดงานเต้นรำสำหรับคนร้อยคน ด้านบนของเพดานมีโคมระย้าเก่าแก่แขวนอยู่ ผ้าม่านสีแดงสดขลิบด้วยขอบสีทองห้อยลงมาจากหน้าต่างทั้งสองฝั่ง ร่องรอยความเสียหายปรากฎให้เห็นบนผืนผ้าม่านราวกับมันกำลังร่ำไห้ให้กับความรุ่งโรจน์ในอดีตของตัวเอง ทุกอย่างทำให้บรรยากาศในห้องมืดมนลงยิ่งกว่าเดิม ประตูไม้โอ๊คสองบานปรากฏอยู่บริเวณด้านหน้าและด้านหลังของห้องโถง
เสียงหนึ่งดังขึ้นเมื่อผมเดินไปยังกลางห้อง
“เรา​บอก​ความ​จริง​กับ​พวก‍ท่าน​ว่า ถ้า​เมล็ด‍ข้าว​ไม่‍ได้​ตก​ลง​ดิน​และ​ตาย​ไปก็​จะ​คง​อยู่​เมล็ด​เดียว แต่​ถ้า​ตาย​ไปแล้ว—”
ผมชักปืนออกมาโดยอัตโนมัติ เงยหน้าขึ้นและหันปากกระบอกปืนไปยังต้นเสียง
ชายคนนั้นยืนอยู่ที่นั่น
เส้นผมและเครื่องแต่งกายสีเงิน ดวงวิญญาณอมตะอันหล่อเหลา
ผมยกปืนขึ้นและพูดต่อประโยคของเขาจนจบ “—แต่ถ้ามันตายไปแล้วก็จะงอกขึ้น เกิดผลจำนวนมาก”
ผีตนนั้นมองมาที่ผมและยกยิ้ม
“ยอห์น 12:24 ฉันไม่คิดว่านายเป็นคนมีความรู้ขนาดนี้ ซาคุโนะสึเกะ”
อังเดรยืนอยู่หน้าประตูไม้โอ๊ค ไม่มีกับดัก ไม่มีลูกน้อง ไม่มีท่าทีเชิญชวนให้ต่อสู้
ผมเล็งปืนไปที่หว่างคิ้วของเขาอย่างแม่นยำ สิ่งที่ผมต้องทำมีเพียงการออกแรงเหนี่ยวไกปืนเพียงเล็กน้อยแล้วกระสุนก็จะพุ่งทะลุเป้าหมาย นั่นก็คือกลางหน้าผากของชายที่กำลังยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น
“ขอบคุณที่มา”
ผมเล็งไปที่เขาและยิง
อังเดรเอียงศรีษะเพียงเล็กน้อยเพื่อหลบกระสุน
“ฉันได้ทำบางอย่างที่ไม่สามารถให้อภัยได้กับเด็กๆพวกนั้น” ท่าทางของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป ชายตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ “แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีสิ่งดีๆบางอย่างจากการกระทำนั้นอยู่”
อังเดรเดินเลียบไปตามกำแพง ปากกระบอกปืนของผมชี้ตามเขาไป
ผมเล็งไปที่ศรีษะของเขาและยิงอีกครั้ง แต่เขาหันไปอีกทาง เอียงศรีษะไปทางซ้ายเพื่อหลบกระสุน
“นายมีบางอย่างที่เหมือนฉัน” อังเดรยังคงยิ้มและเดินต่อ “เหมือนลูกน้องของฉัน ลักษณะของคนที่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อใช้ชีวิต”
อีกฝ่ายไม่มีอาวุธอยู่ในมือ ถึงผมจะยิง เขาก็ไม่ได้มีท่าทีระมัดระวังตัวแต่อย่างใด
แผ่นหลังของผมเริ่มเย็นเฉียบ
“ยินดีต้อนรับ ซาคุโนะสึเกะ ยินดีต้อนรับสู่โลกของเรา”
อังเดรชักปืนออกมาโดยไม่ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า เขาเล็งปืนมาที่ผม
ผมไม่ได้มีปฏิกริยาตอบรับโดยทันที ไม่ใช่เพราะผมรู้สึกตกใจ— แต่เพราะผมเชื่อว่าถึงเขาจะยิง กระสุนก็ไม่มีวันโดนผม
ปากกระบอกปืนของเราชี้ไปยังฝ่ายตรงข้าม ปากกระบอกปืนของผมเล็งไปที่เขา เช่นเดียวกับปืนของอังเดรที่เล็งมาที่ผม
“นายไม่ใช่คนที่พูดมากหรอกหรอ”
“งั้นเราจบบนสนทนาตรงนี้เถอะ”
ผมเห็นนิมิตร
ห้าวินาทีถัดไป อังเดรยิงปืนของเขา นัดหนึ่งที่กลางหน้าผากและอีกนัดที่หัวใจของผม
ผมต้องหลบไปที่ไหนซักที่ ไปด้านข้าง? ไม่ล่ะ ยังไงเขาก็อ่านผมออกแล้วก็เปลี่ยนวิถีการยิงไปด้านข้างแทน  หรือไปด้านล่าง? ก็ไม่เหมือนกัน ถึงผมจะย่อตัวเองเขาก็จะอ่านการเคลื่อนไหวของผมและเล็งมาใหม่อยู่ดี
เหลืออีกสามวินาที
ในเวลานั้น ผมตระหนักได้บางอย่าง
—ใช่แล้ว อย่างนี้นี่เอง!
เหลืออีกหนึ่งวินาที
ผมยกปืนในมือทั้งสองข้างและยิงพร้อมกับพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
และนรกก็เริ่มต้นขึ้น
ประกายแสงจากปากกระบอกปืนสว่างขึ้นระหว่างพวกเรา
ผมและอังเดรวิ่งเข้าหากัน ยิงตอบโต้กันในขณะที่ระยะห่างระหว่างเราน้อยลงมากขึ้นเรื่อยๆ กระสุนบางนัดถากผ่านใบหูและปกเสื้อของผม
ผมใช้อุ้งมือทั้งสองข้างเพื่อกระทุ้งปืนของเขาให้เบี่ยงออก ปืนของอังเดรถูกดันไปทางซ้ายแต่มันก็ยังคงขยับกลับมาตรงกลางราวกับถูกวาดเป็นวงกลม ปืนของเขาเล็งมาที่อกของผมก่อนที่เขาจะเหนี่ยวไก กระสุนถูกยิงออกมาจากผีร้ายตรงหน้า
พวกเราอยู่ใกล้กันจนสามารถจับปลายจมูกของกันและกันได้ มันไม่มีทางที่จะหลบกระสุนที่ถูกยิงขนานกับใบหน้าได้
การตัดสินใจของผมในตอนนั้นคือขยับใบหน้าไปทางซ้ายเพื่อหลบกระสุนที่ถูกยิงมาจากด้านขวาและหยุดลูกกระสุนอีกนัดด้วยด้ามปืนของผม ฝ่ามือของผมชาไปหมดเมื่อถูกแรงปะทะก่อนที่ปืนในมือซ้ายของผมจะหลุดมืออกไป
ผมเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอังเดร
เขามีปืนสองกระบอกในขณะที่ผมมีเพียงหนึ่ง เพียงแค่นี้ก็ตัดสินได้ว่าผมกำลังเสียเปรียบ
—นายเห็นรึเปล่าว่าปืนอีกกระบอกถูกเล็งไปตรงไหน
ผมยังคงถือปืนในมือขวาของผมและเล็งไปที่เขา
ผมยิง
อังเดรขยับอย่างรวดเร็วเพื่อหลบกระสุน แต่เขาขยับไม่มากพอ กระสุนพุ่งเข้าใส่ต้นแขนของเขา เลือดสีสดไหลออกมาไม่หยุด
“อา——” กระสุนพุ่งเข้าใส่ปืนใมือของเขาจนปลิวหลุดและร่วงลงบนพื้น เขาเอนตัวลงบนพื้นด้านหลัง เพิ่มระยะห่างระหว่างพวกเราทั้งสอง
“รู้สึกยังไงที่นายมองไม่เห็นอนาคตแล้วน่ะ” ผมถาม ยกปืนในมือขวาขึ้น
“รู้สึกเหมือนฉันไม่สมควรจะอยู่บนโลกใบนี้ มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่สุด” อังเดรตอบ
ไม่ว่าผมจะเห็นภาพนิมิตรอย่างไร การนำมันมาใช้จะทำให้ศัตรูสามารถมองเห็นและตอบโต้ได้เช่นกัน  ดังนั้นการแก้ปัญหานี้มีเพียงวิธีง่ายๆวิธีเดียว
ผมแค่ต้องไม่ตอบโต้กับภาพนิมิตรที่ผมเห็น
อังเดรและผมยกปืนที่เหลืออยู่ในมือและเล็งเข้าใส่กัน
เขายิ้ม ฟันขาวปรากฏขึ้นตามรอยยิ้มนั้น
ผมเองก็มีท่าทีแบบเดียวกัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น