วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[BSD Trans] Dazai Osamu and the dark era: Chapter 2 [2/6 แปลไทย]

คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 2: Dazai Osamu and The dark era: Chapter 2
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Naitear
← Previous: Chapter 2 part 1/6

"หัวหน้ารู้เรื่องนี้รึเปล่า"
"เรื่องนี้ถูกนำไปแจ้งให้ทราบแล้วล่ะ" ดาไซตอบด้วยสีหน้าช่วยไม่ได้
"สุดท้ายแล้วฉันก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นคนวางแผนการต่อสู้และออกคำสั่งในแนวหน้าเพื่อจัดการกับมิมิค ฉันเพิ่งตัดสินใจเรื่องบางเรื่องไปแล้วก็วางกับดักไว้นิดหน่อย เหลือเพียงแค่รอให้หนูมาติดกับดักล่ะนะ มันไม่น่าจะใช้เวลานานหรอก เพราะยังไงก่อนการต่อสู้จะเริ่ม มันก็ต้องมีสัญญาณเตือนมาก่อนอยู่ดี
มิมิคผ่านปัญหามามากมายเพื่อที่จะขโมยอาวุธและวางกับดัก พวกเขาคงจะไม่ยอมยกหมวกขึ้นพูดว่า 'โชคดีนะ' แล้วจากไปอย่างง่ายๆแน่ อย่างที่ดาไซว่า มันจะต้องเกิดสงครามขึ้น และสะเก็ดของมันจะต้องลุกลามไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน
"แต่คำถามหลักๆเลยก็คือ" ผมชะงักไป "จริงๆแล้วคนในรัฐบาลควรจะสอบสวนและโต้ตอบอะไรซักอย่างกับองค์กรอาชญากรที่มีพลังพิเศษอย่างมิมิคไม่ใช่เหรอ?"
มีคนที่มีพลังพิเศษมากมายอยู่บนโลกนี้ ดาไซและผมเป็นสองในนั้น ถึงความสามารถจะแตกต่างไปตามตัวบุคคล แต่ก็มีผู้ใช้พลังพิเศษส่วนนึงที่มีพลังทำให้ผู้คนถึงตายได้เหมือนกัน
เพื่อที่จะสอดส่องผู้มีพลังพิเศษที่เป็นอันตรายนั้น รัฐบาลก่อตั้งส่วนงานที่ทำงานตลอดเวลาทั้งกลางวันและกลางคืน แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลเหล่านี้ก็ล้วนแต่เป็นผู้มีพลังพิเศษเช่นกัน เพื่อที่จะได้ต่อกรกับเหตุการณ์ต่างๆได้อย่างไม่ยากเย็น
"หรือนายกำลังพูดถึง 'กระทรวงความมั่นคงภายใน กรมผู้ใช้พลังพิเศษ' กันล่ะ?" ดาไซเอียงคอ "ปัญหาคือกรมผู้ใช้พลังพิเศษนั่นถือเป็นองค์กรลับที่ไม่ค่อยจะโผล่หน้ามาให้เห็นน่ะสิ แน่นอนว่าในฐานข้อมูลที่นั่น พอร์ทมาเฟียจะต้องถูกจัดให้เป็นหนึ่งในองค์กรอาชญากรพลังพิเศษแน่ๆร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจากข้อมูลที่ได้มา พวกเขาจะไม่คิดเหรอว่าปล่อยให้พอร์ทมาเฟียกับมิมิคฆ่ากันเองโดยที่พวกเขาไม่ต้องทำอะไร เพียงแค่นั่งดูห่างๆ จะเป็นโอกาสที่ดีกว่าน่ะ?”

มันก็เป็นอย่างที่ดาไซว่า ถ้าหากกระทรวงเลือกได้ว่าจะจัดการองค์กรอาชญากรที่มีพลังพิเศษ พวกเขาก็ย่อมเริ่มจากพวกมาเฟียเป็นกลุ่มแรกอยู่แล้ว
อันโกะเคยเล่าว่ากรมผู้ใช้พลังพิเศษมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลอยู่หลายคนซึ่งมีพลังที่แข็งแกร่งมาก แต่เพราะนโยบายของพวกเขาจำกัดให้มีเพียงไม่กี่คน ดังนั้นถ้าหากเกิดการต่อสู้ระหว่างพอร์ทมาเฟียกับรัฐบาลขึ้นมาจริงๆล่ะก็ พวกเขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บบ้างไม่มากก็น้อย กรมผู้ใช้พลังพิเศษก็ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียเช่นกัน ดังนั้นเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนั้น พวกเขาจึงคอยจับตามองพอร์ทมาเฟียอยู่เรื่อยๆและพยายามหลบการเผชิญหน้ากันโดยตรง แต่หากในสถานการณ์ที่ประชาชนทั่วไปเองก็ได้รับบาดเจ็บ พวกเขาก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่จำเป็น
ผมยังคงมีหนึ่งคำถามที่ยังไม่ได้พูดออกไป
"แล้วอันโกะล่ะ?"
ดาไซไม่ได้ตอบในทันที เขาเพียงแค่จิบกาแฟสดอย่างเงียบๆ ดาไซคงต้องการเวลาสักพักในการตอบคำถามนี้
"ตอนนี้เราสามารถพูดได้อย่างแน่ใจแล้วว่ารหัสลับของร้านขายอาวุธรั่วไหลออกไปทางอันโกะ" ดาไซกล่าวอย่างเงียบๆ มองไปยังกาแฟที่เหลืออยู่ในเหยือก ก่อนจะจ้องผมอยู่ครู่หนึ่งราวกับต้องการที่จะอ่านความรู้สึกว่าผมคิดอย่างไร
ทว่าผมไม่ได้พูดอะไรออกไป
"บางทีเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งภายในองค์กร รหัสลับที่ใช้เป็นการส่วนตัวถูกเผยแพร่ออกไป แล้วหลังจากนั้น—"
"เมื่อมิมิคไปถึงที่ร้านนั้น รหัสลับที่ใช้ก็เป็นรหัสเดียวกับที่อันโกะใช้ ถูกมั้ย ?"
ผมไขว้แขนของตัวเอง ชิ้นส่วนที่หายไปกำลังค่อยๆประกอบเข้าหากันอย่างช้าๆ เปิดเผยสิ่งที่ผมไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มต้นจินตนาการ
"นี่ ดาไซ" ผมย้ายไปนั่งข้างๆดาไซ ในช่วงเวลานั้น ผมรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในบาร์กับอันโกะและพวกเราสามคนกำลังดื่มอยู่ด้วยกัน เหมือนเรื่องราวต่างๆยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป "มีความเป็นไปได้รึเปล่าว่ามีใครสักคนจัดฉากเรื่องอันโกะขึ้นมาน่ะ"
"ความเป็นไปได้ก็ไม่ได้เท่ากับศูนย์หรอกนะ มันก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นไปได้บ้างอยู่แล้ว" ดาไซตอบ ถึงแม้ว่าโทนเสียงของเขาจะแสดงออกมาว่าเขาไม่ได้เชื่อในคำพูดนั้นเลยก็ตาม "ถ้ามีคนในพอร์ทมาเฟียไปร่วมมือกับมิมิค มันก็มีโอกาสอยู่ แค่ฉันคิดไม่ออกเลยน่ะว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการทำอย่างนั้น"
ดาไซส่ายหัวไปมา ส่วนผมเองก็มีความคิดคล้ายๆกัน
สิ่งเดียวที่พวกเราทำได้คือหาอันโกะให้เจอให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และถามความจริงกับเขา เราไม่สามารถทำนายได้เลยว่าเรื่องนี้จะจบลงด้วยดีหรือเปล่า
เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองพิเศษ — ซาคากุจิ อันโกะ
ทำไมอันโกะถึงต้องการที่จะทรยศองค์กร?
ในสงครามระหว่างมาเฟียในช่วงแรกๆ การที่จะหาสายลับจากอีกองค์กรนั้นง่ายมาก เงิน ผู้หญิง ครอบครัว หรือความทะเยอทะยานนั้นสามารถใช้เป็นเครื่องมือได้ทั้งหมด และเมื่อเปลี่ยนคนจากองค์กรของอีกฝ่ายเป็นพวกของตัวเองได้ทั้งหมดแล้ว ฝ่ายศัตรูก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ในที่สุด ดังนั้น เหตุผลที่อันโกะทรยศและไปเข้าร่วมกับฝ่ายมิมิค คืออะไรกันนะ?
การที่จะหาคำตอบนั้น ผมมองไปที่ดาไซที่นั่งอยู่ข้างๆตัวเอง
ดาไซก้มหน้าลงต่ำ จมอยู่ในห้วงความคิด ส่วนการแสดงออกของเขานั้น—
ดาไซกำลัง—
"—ฮ่าฮ่าฮ่า"
หัวเราะอยู่
"ทีแรกฉันคิดว่าองค์กรนี้เป็นแค่องค์กรอาชญากรธรรมดาเสียอีก แต่ถ้ามันคือองค์กรที่อันโกะเข้าร่วมแล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่ใช่คนจำพวกที่จะมาร้องไห้อ้อนวอนขอให้ยกโทษให้พรรค์นั้นหรอก ยิ่งไปกว่านั้นนะ อันโกะที่เป็นศัตรูคงจะร้ายกาจไม่ใช่เล่นๆเลย ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้น่าตื่นเต้นหรอกเหรอ ? มันจะต้องทำให้ฉันสิ้นหวังได้อย่างสุดๆแน่ๆ และหลังจากนั้น—"
"ดาไซ!"
เพราะว่าได้ยินเสียงของผม ดาไซจึงหยุดพูด ไม่ใช่ว่าผมต้องการจะพูดอะไร แต่ผมเพียงต้องการให้เขาหยุดเท่านั้น
ไม่มีใครเลยที่เข้าใจตัวตนจริงๆของดาไซ
ในพอร์ทมาเฟีย ไม่มีใครมานั่งดูว่าเพื่อนร่วมงานของเขาเป็นยังไง นี่เป็นเหมือนกฎที่ทุกคนรับรู้กันโดยไม่ต้องพูดออกมา พวกเขาจะไม่แหวกอกใครเพื่อดูทะลุลึกไปในใจและออกความคิดเห็นเกี่ยวกับความมืดมิดของคนคนนั้น นี่คือความเมตตาของพวกมาเฟีย
แต่บางทีนั่นอาจจะผิด อย่างน้อยก็สำหรับชายที่นั่งข้างๆผมตอนนี้ บางทีควรมีใครสักคนจับดาไซมัดไว้ให้แน่น แหวกอกเขาออกแล้วแหย่หัวเครื่องดูดฝุ่นเข้าไป พวกเขาควรให้ดาไซ คนที่กรีดร้องอยู่กับความเจ็บปวดและอดทนอยู่คนเดียวมาเสมอ ได้สงบลงบ้าง จากที่พูดมา เรื่องแย่ๆในใจเขาจะถูกนำออกมาให้เห็นภายใต้แสงอาทิตย์และเหยียบย่ำอย่างไร้ความปราณี
แต่อย่างไรก็ตาม มันไม่มีเครื่องดูดฝุ่นหรือการแหวกอกอะไรอย่างนั้นหรอก ทุกอย่างปรากฎขึ้นมาในรูปร่างที่จับต้องได้ พัดผ่านเราไปได้อย่างง่ายๆ
สิ่งเดียวที่มนุษย์อย่างพวกเราทำได้คือการยืนอยู่เงียบๆระหว่างหุบเขาในใจของพวกเราเท่านั้น
"ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ควรไปแล้วล่ะ" ดาไซลุกขึ้นเมื่อเขาพูดจบ
"ดาไซ!"
ผมเรียกเขาจากด้านหลัง ดาไซหันกลับมา
ผมกุมมือเข้าไว้ด้วยกัน มองต่ำไปยังจานที่ว่างเปล่าและควันกาแฟ ก่อนที่จะตัดสินใจยกประเด็นนี้ขึ้นมา เริ่มพูดว่า "ในการที่นายคิดแบบนั้นน่ะ นั่นเป็นเพราะ—"
และในตอนที่ผมกำลังจะเริ่มเรื่องนั่นเอง โทรศัพท์ของดาไซก็ดังขึ้นมา
ดาไซกล่าวขอโทษเบาๆและยกโทรศัพท์มาจ่อหู "ฉันเอง"
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งที่ดาไซฟังเสียงที่ออกมาจากโทรศัพท์ เขาค่อยๆยิ้มออกมาและตอบรับว่า "เข้าใจแล้ว" เขาวางสายแล้วหันมาทางผม
"หนูติดกับดักแล้วล่ะ"

Next → Chapter 2 part 3/6

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น