วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[BSD Trans] Dazai Osamu and the dark era: Chapter 2 [4/6 แปลไทย]

คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 2: Dazai Osamu and The dark era: Chapter 2
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Chiyuu_ki
← Previous: Chapter 2 part 3/6


ผมมาถึงบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ข้างอ่าว
ที่นี่เป็นที่ที่อันโกะเคยทำงานในช่วงที่เขายังไม่ประสบความสำเร็จ ก่อนที่เขาจะกลายเป็นหน่วยข่าวกรองที่ จัดการกับข้อมูลลับสุดยอด ทุกๆคนเคยมีช่วงเวลาแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น
ผมเดินเข้าไปด้านในและบอกจุดประสงค์ของตัวเอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพนักงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบพาผมเข้าไปด้านในด้วยรอยยิ้ม มาเฟียไม่ได้สร้างขึ้นมาจากเหล็ก ปืนและระเบิดไปซะทั้งหมด พวกเขายังต้องต้องการความสามารถเช่นนี้อยู่
บริษัทการเงินแห่งนี้รับและฟอกเงินผิดกฏหมายที่ได้มาจากมาเฟีย ก่อนที่เขาจะถูกเรียกตัวจากพอร์ตมาเฟียเมื่อสามปีก่อน อันโกะเคยทำงานเป็นผู้ช่วยอยู่ที่นี่
ผมถูกพาเข้ามาในห้องลับที่ไม่มีหน้าต่าง ห้องมืดที่ถูกซ่อนเอาไว้หลังผนังถูกเติมเต็มด้วยชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลทรัพย์สินลับๆของมาเฟีย หนังสือบันทึกการฟอกเงินและบันทึกอื่นๆ โต๊ะถูกวางเอาไว้กลางห้อง ไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากโคมไฟที่อยู่เหนือหัว
หลังจากที่พาผมเข้ามาในห้องนี้ พนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ “เอาล่ะ ฉันจะกลับไปทำงานต่อ”
เมื่อเขาพูดถึง ‘งาน’ ผมจึงมองเขาเพื่อให้แน่ใจ เพราะบนโต๊ะของเขามีเพียงหนังสือโชงิเล่มเล็กและกระถางบอนไซเท่านั้น
“ขอบคุณ” ผมพูดกับเขา “ควันไฟจากสงครามครั้งนี้พัดไปถึงศูนย์บัญชาการใหญ่แล้ว ไม่ว่านายจะทำอะไรก็ตาม ระวังตัวด้วย”
“ที่นี่มีแค่ข้อมูลเก่ากับพันธบัตรที่หมดอายุแล้ว ถ้าศัตรูจะบุกมาที่นี่คงจะกลับไปมือเปล่า”
เขายิ้ม ชายคนนี้เป็นเหรัญญิกเก่าแก่ที่คอยรักษาบัญชีของพอร์ตมาเฟีย เขาใช้เพียงแค่ลางสังหรณ์ก็รู้ว่าควันไฟของสงครามนั้นจะถูกพัดไปทิศทางใด
“ที่นี่เป็นที่ทำงานที่ดีนะ” ผมเอ่ยบอกเขาหลังจากมองไปรอบๆ “ผมอยากจะส่งคำขอให้ย้ายมาประจำที่นี่จัง”
ชายคนนั้นยิ้มอย่างขมขื่น “คนหนุ่มที่พูดแบบนี้ไม่มีทางทำได้หรอก อยู่ที่นี่แค่สามวันก็ย้ายหนีเพราะมันน่าเบื่อเกินไป”
ผมเอ่ยขอบคุณและแยกทางกับเขา หันกลับมามองที่ชั้นหนังสือ
ที่นี่มีประวัติของอันโกะ นักบัญชีเป็นกลุ่มคนที่สนใจเพียงแค่เครื่องแต่งกายของตัวเองและเดินไปรอบๆ ยิ่งไปกว่านั้น เพราะว่าพวกเขาต้องจัดการกับบันทึกลับของพอร์ตมาเฟีย พวกเขาจึงต้องจำทุกรายละเอียดของงานให้ได้ทั้งหมด ถ้าหากมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้นและถูกฆ่า งานจะถูกส่งต่อไปยังอีกคนหนึ่งอย่างไม่ติดขัด
ผมหยิบสมุดบันทึกรายวันของนักบัญชีคนเก่าออกมาดู ท่ามกลางพวกเขา นักบัญชีคนนี้ให้ความสำคัญกับรายละเอียด แค่บันทึกสำหรับหนึ่งเดือนก็มีความยาวเทียบเท่ากับนิยายหนึ่งเล่ม ราวกับกลอนรักสำหรับพอร์ตมาเฟีย
ตามบันทึกนี้ อันโกะเคยเป็นคนรวบรวมข้อมูลและแฮคเกอร์
อันโกะในอดีตเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขารวมตัวกับกลุ่มเพื่อนวางแผนที่จะขโมยเงินทุนของบริษัท เขาปลอมตัวเป็นกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องและเปิดเซฟธนาคาร วางแผนที่จะขโมยหุ้นทั้งหมดและเปลี่ยนมันเป็นเงินสด ถ้าเกิดพวกเขาทำสำเร็จ อันโกะและพวกก็จะได้เงินจำนวนมหาศาล แต่สุดท้ายเงินเหล่านั้นกลับเปรอะไปด้วยเลือด
เซฟและพันธบัตรนั้นเป็นของบริษัทหุ่นเชิดของมาเฟีย อันโกะและพวกได้ขโมยเงินของมาเฟียออกจากกระเป๋า แทบจะไม่ต้องพูดถึงว่าอันโกะและเพื่อนต่างทรมานกับการตามล่าจากสุนัขล่าเนื้อของมาเฟีย— พวกมันไม่เห่า ไม่แม้แต่จะส่งเสียง พวกเขาคือหมาล่าเนื้อสีดำที่ใช้ปืนเพื่อล่าเหยื่อในยามกลางคืนไปยังสุดขอบโลก
พวกของอันโกะต่างตกอยู่ในความหวาดระแวง พวกเขาฆ่ากันเองเพราะกลัวว่าคนใดคนหนึ่งจะเปิดโปงตัวตนของสมาชิกที่เหลือ แต่อันโกะยังคงหนีต่อไป เขาเข้าถึงข้อมูลการตามล่าของมาเฟียและใช้มันเพื่อการหลบหนี อันโกะวางแผนและหนีไปตามถนนในโยโกฮาม่าเป็นเวลาหกเดือนเต็ม
การหลบหนีจากกองกำลังไล่ล่าของมาเฟียเป็นเวลาหกเดือนเต็มเป็นสิ่งที่น่าทึ่งถึงแม้จะเป็นสายลับของรัฐบาล อันโกะสามารถรวบรวมข้อมูลและใช้ประโยชน์จากมันโดยส่งรายงานที่ถูกปลอมแปลงเพื่อสร้างความวุ่นวายให้กับศัตรู
อย่างไรก็ตาม โชคชะตาของเขาก็สิ้นสุดลง ไม่มีใครสามารถหลบหนีจากความมืดได้ตลอดไป อันโกะถูกจับที่ท่อน้ำเสียในสลัม เขาเตรียมพร้อมสำหรับความตายของเขาแล้ว แต่อย่างไรก็ตามอันโกะถูกพาไปพบบอส เขาไม่มีความตั้งใจที่จะทำอันตรายอันโกะและความสามารถอันยอดเยี่ยมในการรวบรวมข้อมูลของเขาแม้แต่น้อย หลังจากนั้น อันโกะก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่
—องก์แรกของบทละครคือชายหนุ่มผู้ที่ไต่เต้าขึ้นไปยังโลกแห่งความมืด เพียงแค่มองข้อมูล ไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงเงาของมิมิคที่กำลังไล่ตามอยู่เบื้องหลังได้
ถ้าเป็นอย่างนั้น หมายความว่าอันโกะและมิมิคพบกันหลังจากนั้นงั้นหรอ?
ผมอ่านสิ่งที่อยู่บนกระดาษต่อไปก่อนจะพบกับบางอย่างที่น่าประหลาดใจ
เมื่อสองปีก่อน หนึ่งปีหลังจากที่อันโกะเข้าร่วมกับมาเฟีย อันโกะได้รับความไว้วางใจจากบอสและเดินทางไปยังยุโรป จุดมุ่งหมายของเขาคือการเจรจาต่อรองกับหน่วยงานโจรกรรมรถยนต์ผิดกฏหมาย สองเดือนถัดมาหลังจากนั้นด้วยเหตุผลที่ไม่แน่ชัด ไม่มีข่าวมาจากอันโกะอีก อันโกะที่กลับมาหลังจากนั้นสองเดือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เหตุผลที่เขาบอกคือเขาได้มีความเข้าใจผิดกับบริษัทรถยนต์แห่งนั้นและหลบหนีในฐานะอาชญากรระหว่างที่ทำการสืบสวน องค์กรลักลอบนำเข้ารถยนต์จากยุโรปก็ถูกรายงานเข้ามาในเวลาเดียวกัน พอร์ตมาเฟียสรุปว่าอันโกะถูกลากเข้าไปพัวพันและไม่ได้ปฏิบัติตามเป้าหมายต่อ
แต่อย่างไรก็ตาม พอมาลองคิดดูแล้วมันมีอะไรแปลกๆ มันยากที่จะเชื่อว่าอันโกะไม่สามารถจัดการกับเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อยนั่นและใช้เวลาสองเดือนเต็มไปกับการหลบหนี
ไม่มีใครสามารถยืนยันการเคลื่อนไหวของอันโกะในช่วงระหว่างสองเดือนที่ยุโรปนั่นได้
ถ้าหากเอามารวมกับข้อมูลที่มีอยู่ก็จะสามารถยืนยันได้ว่าเขาพบกับมิมิคในระหว่างเวลานั้นและทำสัญญาร่วมกัน
พูดอีกอย่างก็คือ การลงสัญญาเป็นสายลับสองหน้า
นับจากนั้น หมายความว่าองค์กรมิมิคได้วางแผนที่จะมาโจมตีพอร์ตมาเฟียแล้วอย่างนั้นหรอ?
ผมปิดเอกสาร ปลอ่ยให้ตัวเองใจเย็นลงและใช้ความคิด ห้องนี้เงียบสนิท มีเพียงเสียงของรถยนต์ที่แล่นผ่านด้านนอกแทรกเข้ามาในหูของผม
ผมมีความรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้อง
อันโกะเข้าร่วมกับพอร์ตมาเฟียและสมรู้ร่วมคิดกับองค์กรมิมิค เมื่อถึงเวลา ความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างทั้งสององค์กร ทุกอย่างลงตัวเกินไปเหมือนกับคอมพิวเตอร์สองเครื่องแข่งกันเล่นหมากรุก มันไม่มีการกระทำที่น่าประหลาดใจหรือสิ่งอื่นที่แตกต่างจากการคาดการณ์ของพวกเรา มันยิ่งทำให้ผมไม่สบายใจมากขึ้นไปอีก
ผมสำรวจห้องที่อันโกะเคยทำงานอยู่ ผมจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้
ในตอนนั้นอันโกะนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ ศอกของเขาวางลงบนโต๊ะ มองผมอย่างเงียบๆด้วยความไม่พอใจ
อันโกะในตอนนั้นเป็นคนที่หยิ่งทระนงและมักจะมีท่าทีไม่สบอารมณ์ รังสีความไม่พอใจที่อยู่รอบตัวเขาแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนราวกับมันกำลังตะโกนว่า “ฉันไม่ใช่คนที่สมควรที่จะนั่งอยู่ที่นี่”
ผมจำสายตาของเขาได้ ในตอนนั้น อันโกะพูดอะไรเป็นอย่างแรกกันนะ
จริงๆแล้วเขา—






“กรุณาอย่าเข้ามาใกล้มากกว่านี้ได้ไหมครับ มันเหม็น!”
อันโกะเท้าข้อศอกลงบนโต๊ะและเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ผมและดาไซไม่ได้พูดอะไรออกมาซักคำ พวกเรายืนอยู่ที่ประตูทางเข้า ความเงียบอันแปลกประหลาดโรยตัวลงปกคลุมภายในห้อง
จากคำพูดจองคนอื่นๆ ผมรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้คือพนักงานใหม่ชื่อซาคากุจิ อันโกะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นหน้าเขา
ใช่แล้ว ตัวของผมและดาไซมีกลิ่นเหม็นที่รุนแรงเพราะพวกเราเพิ่งเสร็จจากการทำภารกิจ มันเป็นกลิ่นของน้ำมันปิโตรเลียม สนิมและเลือด จมูกและสมองของผมชินชาต่อกลิ่นพวกนี้ไปนานแล้ว
หลังจากตอนนั้น การจู่โจมของหัวมังกรเพิ่งเริ่มต้นอย่างแท้จริง ไม่มีแม้แต่คืนเดียวที่จะไม่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากถนน ไม่มีสถานที่ไหนที่ไม่มีเลือดปะปนอยู่ ศพของสมาชิกจากองค์กรกองพะเนินเป็นภูเขา สำหรับพวกสารวัตรทหารแล้ว พวกเขาไม่มีกำลังคนมากพอที่จะชนะในการต่อสู้ พวกเขาทำได้เพียงไปยังสถานที่เกิดเหตุและทำการวิเคราะห์ขั้นต้น
ผมและดาไซได้รับมอบหมายจากเบื้องบนให้จัดการกับศพของสมาชิกพอร์ตมาเฟียที่ตายระหว่างการต่อสู้ รวมถึงการถ่ายรูปศพและเก็บข้าวของของพวกเขา ถ้าหากสิ่งของเหล่านี้ตกลงสู่มือของตำรวจ พวกมันจะถูกจัดอยู่ในหลักฐานภายใต้กฎหมายการปราบปรามอาชญากรรมและอาจทำให้เกิดปัญหาได้
ถึงจะพูดอย่างนั้น นี่ไม่ใช่งานที่น่าพิศวาสเท่าไหร่ในระหว่างช่วงสงครามแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้เกิดขึ้นในเขตโยโกฮาม่าในบริเวณที่ระบายน้ำเสีย ตำรวจไม่มีทางที่จะเข้าใกล้สถานที่ที่มีแต่เศษตะกอนและของเสียจากโรงงานถูกทิ้งไว้อย่างผิดกฏหมาย ที่ตรงนั้นแทบไม่มีผู้คนอาศัยอยู่
ด้วยเหตุนี้เอง ดาไซและผมจึงเปรอะเปื้อนไปด้วยตะกอนสกปรกตั้งแต่หัวจรดเท้า กลิ่นของมันรุนแรงมากจนถึงขนาดที่ว่าแมวจรจัดที่อยู่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตรยังต้องวิ่งหนีอย่างไม่ต้องสงสัย
“มันเหม็นจนอยากจะตัดจมูกออกไปเลยล่ะ” ดาไซพูดขึ้นมาตอนที่กำลังทำงานอยู่ ใบหน้าของเขางอง้ำ
อันโกะมองมาที่พวกเราและพูดด้วน้ำเสียงไร้มารยาท
“หลังจากที่พวกคุณวางของจากศพลงบนโต๊ะเสร็จแล้วก็ขอให้ถอยออกไป แล้วก็อย่าพูดอะไรจนกว่าผมจะถามคำถามนะครับ”
พวกเราทำตามที่เขาพูด
“นายมาใหม่ใช่ไหม?” ดาไซเอ่ยปากพูด “โทษทีนะ ฉันขอใช้ห้องน้ำหน่อยสิ อย่างที่นายบอกนั้นแหละ พวกเราเหม็นสุดๆเลย—”
“ผมบอกแล้วว่าอย่าเพิ่งพูดอะไรไงครับ”
อันโกะขัดจังหวะดาไซ ริมฝีปากของดาไซอ้าค้าง คำพูดถูกปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่กลางประโยค
ถึงแม้ว่าเราจะดูไม่ต่างอะไรกับเด็กหนุ่ม ในเวลานั้นดาไซก็เป็นตัวแทนที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับตำแหน่งผู้บริหารคนถัดไป ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่งเข้ามาใหม่ในแผนกบัญชี ดาไซก็ไม่ใช่คนที่จะสามารถถูกบอกปัดหรือสั่งให้ “หุบปาก” ได้
อันโกะตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าที่พวกเราส่งให้ทีละชิ้น— บัตรประชาชน กุญแจ นาฬิกาข้อมือ มีดและปืน และรูปที่พวกเราภ่ายมา เขาบันทึกทุกอย่างลงในสมุด
ผมไม่รู้ว่าอันโกะทำอะไร ผมมักจะคิดเสมอว่าเมื่อระบุชื่อผู้ตายได้แล้ว สิ่งของของเขาก็จะถูกนำไปเผาทิ้ง เจ้าเด็กใหม่คนนี้กำลังทำอะไรกัน? ตรวจสอบทีละชิ้นแล้วก็บันทึกมันงั้นหรอ?
“นายทำอะไรน่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย
“ผมบอกไปแล้ว ได้โปรดอยู่เงียบๆ” อันโกะเอ่ยตอบในขณะที่กำลังตรวจสอบสมุดบันทึก “แค่มองยังไม่รู้อีกหรอครับ? ผมกำลังทำบันทึก แค่นี้ยังไม่ชัดอีกหรอครับ?”
“อ่า นั่นสินะ” ผมพูด
“บอกชื่อของนายมา!”
ดาไซที่ยืนอยู่ข้างผมโพล่งออกมา ผมสะดุ้งด้วยความตกใจ
สายตาของอันโกะเลื่อนจากข้อมูลในมือไปที่ดาไซ หลังจากเงียบไปซักพักเขาจึงพูดออกมา “ผมคือซาคากุจิ.. อันโกะ”
“อุ.. ฮ่ะๆๆๆๆๆ” และด้วยเหตุผลบางอย่าง ดาไซระเบิดเสียงหัวเราะออกมา รอยยิ้มฉาบไปทั่วหน้าเขา
“รอยยิ้มน่าขยะแขยงนั่นมันอะไรกันน่ะครับ”
“อันโกะ นายเป็นคนที่น่าสนใจดีนะ ถึงนายจะทำอย่างนั้นบอสก็คงเห็นมันเป็นเรื่องหยุมหยิม มันเป็นการเสียแรงและเงินโดยเปล่าประโยชน์ ฉันไม่คิดว่าการประเมินของนายจะช่วยอะไรได้เท่าไหร่”
“คุณกำลังจะพูดว่าคุณรู้หรอว่าผมกำลังทำอะไร” อันโกะมีท่าทีแปลกใจ
“นายกำลังเขียนบันทึกสำหรับผู้ตายใช่รึเปล่า?”
อันโกะดูแปลกใจกับคำพูดของดาไซ เขามองมาที่ดาไซราวกับเพิ่งเคยเห็นอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก
“คุณแอบมองสมุดของผมตอนไหน”
“ฉันเปล่า! ไม่จำเป็นจะต้องแอบมองให้แน่ใจเลยไม่ใช่หรอ”
ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าอะไรคือความหมายของคำว่า ’แน่ใจ’ — แต่เรื่องแบบนี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อมีดาไซ ผมจึงยืนเงียบๆและรอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป
ดาไซไม่สนใจอันโกะและเดินเข้าไปหาเขาอย่างวางท่า “เมื่อการต่อสู้รุนแรงขึ้น ความตายก็จะกลายเป็นเพียงตัวเลข เมื่อวานนี้มีคนตายนิดหน่อย วันนี้มีคนตายอีกนิดหน่อย พวกเขาจะกลายเป็นเพียงสินค้าที่สูญเสียไป พวกเขาจะไม่มีตัวตน วิญญาณหรือไม่มีสิ่งใดมาสรรเสริญความตายของพวกเขา แต่นายก็ยังวางแผนจะทำอะไรบางอย่างที่ตรงข้ามกับความคิดเหล่านั้น ลองอ่านส่วนนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหม”
บางครั้งอันโกะมองดาไซด้วยสายตามุ่งร้าย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็มองกลับไปยังข้อมูลและอ่านมันออกมา “ระหว่างการดำเนินการบุกโจมตีที่เกิดขึ้นข้างแหล่งระบายน้ำเสียเมื่อคืนก่อน มีผู้เสียชีวิตสี่คน ระบุได้ว่าพวกเขาคือ อูเมกิ โคโตะ, ซาเอกุสะ โชคิจิ, อิชิเกะ มิโรคุ, และอุตากาวะ คาซุมะ— แต่เดิมแล้วอูเมกิเป็นสารวัตรทหารที่ถูกใส่ร้ายด้วยดคีฆ่าเพื่อนร่วมงาน เขาถูกไล่ออกจากกรมและเข้าร่วมกับพอร์ตมาเฟีย เขามีความสามารถในการสั่งการและเป็นผู้นำทีมขนาดเล็ก พ่อแม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้ว เขามีน้องชายคนหนึ่งซึ่งตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกัน อูเมกิไม่ได้เป็นคนฆ่าเพื่อนร่วมงาน แต่ไม่มีใครสามารถรู้ความจริงนั้นได้อีกแล้ว— คนต่อไปคือซาเอกุสะ เขาสานต่อหน้าที่ในพอร์ทมาเฟียจากพ่อของเขา เขาเข้าร่วมกับมาเฟียตั้งแต่อายุยังน้อย เขามีพรสวรรค์ในการโต้เถียง ร้านค้าในอิทธิพลของมาเฟียมีเรื่องดีๆมากมายที่จะพูดเกี่ยวกับเขา ความฝันของเขาคือการเป็นผู้บริหาร— คนต่อไปคืออิชิเกะ เธอเติบโตมาในสลัมและคอยเลี้ยงดูพ่อแม่ที่เจ็บป่วย ถึงแม้ว่าการมองเห็นของเธอจะไม่ค่อยดี แต่เธอมีประสาทการได้ยินที่ดีเยี่ยมและมักจะได้ยินเสียงการโจมตีของศัตรูล่วงหน้าก่อนคนอื่นเสมอ และเพราะเธอทำให้พวกเรายังไม่ถูกกวาดล้างจนราบเป็นหน้ากลอง— คนสุดท้ายอุตะกาวะ แต่เดิมแล้วเขาเป็นนักลอบสังหารจากองค์กรของศัตรู หลังจากที่องค์กรของเขาล่มสลาย เขาเข้าร่วมกับมาเฟียและต่อสู้ภายใต้ชื่อของเรา เขามีภรรยาและลูก แต่ครอบครัวของเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นมาเฟียและนักฆ่า และหลังจากวันนี้พวกเขาก็จะไม่มีทางได้รู้”
ผมเห็นภาพของคนทั้งสี่ถูกขานชื่อออกมา พวกเขามีชีวิตอยู่ตรงหน้าผม— ถึงจะไม่ได้มากมายเท่าไหร่นักแต่ผมก็รู้สึกได้ถึงตัวตนของพวกเขามากขึ้นกว่าเดิม แต่ในวันนี้พวกเขาเสียชีวิตไปแล้ว
อันโกะปิดสมุดลงและเอ่ยออกมา
“พวกเขาได้รับความสงบสุข ความสงบสุขที่ไม่มีใครสามารถพรากไปจากพวกเขาได้ รายงานที่ถูกเขียนขึ้นที่นี่จะเป็นรอยแผลที่เหลือในชีวิตของพวกเขา รายงานของผู้ตายทั้งสี่คนไม่สามารถครอบคลุมชีวิตของพวกเขาได้ทั้งหมด ผมเริ่มรวบรวมข้อมูลพวกนี้ในเวลาว่าง สมาชิกพอร์ตมาเฟียทั้งสี่สิบแปดคนที่ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ก็มีบันทึกแบบเดียวกันนี้”
ผมพูดอะไรไม่ออก
เพราะผมสามารถจินตนาการได้ว่างานที่เขาทำเอาไว้หนักหนาขนาดไหน
“บอสรู้ว่านายทำงานนี้ด้วยรึเปล่า รวบรวมและบันทึกข้อมูลที่ไม่มีคุณค่าทางกลยุทธอะไรเลย”
“รู้ครับ ผมเอาข้อมูลพวกนี้ไปให้เขาทุกอาทิตย์ ตอนแรกเขาก็คิดว่ามันยุ่งยาก แต่ตอนนี้เขาคิดว่ามันเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยให้เข้าใจสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นภายในองค์กร ตอนนี้เขาอ่านมันอย่างมีความสุขดี”
สิ่งที่เริ่มต้นด้วยการเขียนรายงานยามว่างของอันโกะกลายเป็นหน้าที่หลักของเขาตามคำสั่งของบอส หรือนี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากหัวหน้าที่ทำให้งานในการตรวจสอบศพถูกมอบหมายให้ดาไซโดยเฉพาะ? ในฐานะผู้บริหารคนถัดไป?
“เอ๋ โอดะซาคุ นี่มันไม่น่าสนใจหรอ?” ดาไซตบหลังอันโกะอย่างเป็นกันเอง “ปกติแล้วไม่มีมาเฟียประเภทนี้หรอกนะ นี่มันการใช้ความสามารถอย่างเปล่าประโยชน์ชัดๆ”
“ต่อจากนี้ขออย่าเข้ามาใกล้ผม กลิ่นของคุณมันจะมาติดตัวผมหมด” อันโกะหน้างอ
“นายคิดเหมือนกันใช่ไหมโอดะซาคุ อยากอ่านรายงานพวกนี้รึเปล่า”
ผมพยักหน้า “ฉันจะซื้อมันเป็นสิ่งตอบแทน”
“นี่มันไม่มีไว้ขาย! ให้ตายเถอะ อะไรของพวกคุณ กีดกันเวลางานของผม ผมไม่มีเวลาแล้ว! แล้วคุณก็เหม็นมาก กลิ่นอย่างกับของหมักเน่าๆ!”
“เอ๋— ถึงจะเป็นของหมักแล้วมันจะทำไมล่ะ ถ้ากินกับสาเกมันจะอร่อยมากๆเลยนะ”
“อย่างนั้นหรอ ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะ”
“เป็นไปไม่ได้ ได้โปรดอย่าโกหกอะไรแบบนั้นจะได้ไหมครับ!”
“หืม.. ถ้าอย่างนั้น ป-ปกติของหมักนี่ก็ไม่ได้รสชาติย่ำแย่จะซะทีเดียวนะ ถูกไหม?”
“ผมไม่ได้หมายความว่าคุณควรจะรู้สึกอายเกี่ยวกับมันซักหน่อย!”
“พอพูดถึงเรื่องนี้แล้วฉันรู้สึกอยากดื่มเลยล่ะ”
“นั่นเป็นความคิดที่ไม่เลวเลยนะ ไปที่เดิมกันเถอะ พาเจ้าพนักงานบัญชีคนนี้ไปด้วยดีไหม?”
“เอาสิ”
“ผมบอกพวกคุณแล้วว่าผมไม่มีเวลา—”
“โอดะซาคุ ฉันมีวิธีที่จะทำให้เขาเป็นอิสระจากงานด้วยล่ะ ถ้าเรากอดเขาจากทั้งสองข้างแล้วก็ปล่อยกลิ่นน้ำมัน กลิ่นตะกอนใส่เขา ถ้าทำอย่างนั้นเขาก็จะไม่สามารถทำงานได้ตลอดทั้งวันนี้แน่นอน!”
“อย่างนั้นเองหรอ”
“ค—คุณพูดว่าอะไรนะ คุณกำลังข่มขู่ผมหรอ!”
“นี่เจ้าหน้าใหม่ มาเฟียน่ะไม่ข่มขู่ใครหรอก พวกเราลงมือทำเลยต่างหาก อะ โอดะซาคุ นายไปข้างชวานะ!”
“เข้าใจแล้ว”
“หยุดก่อน นี่เป็นสูทชุดสุดท้ายที่ผมมี.. หยุดเดี๋ยวนี้ก่อนที่ผมจะโมโห อุหวาาา———!”
…….
หลังจากนั้น อันโกะ ดาไซและผมก็ไปที่บาร์และเริ่มพูดคุยกัน
ราวกับไม่มีการแบ่งชั้นทางหน้าที่การงาน พวกเราแค่นั่งดื่มและคุยกันไปเรื่อยๆเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นบนถนน แอลกอฮอลล์ ผู้คนที่เราพบเจอ ไม่มีการเจาะจงบทสนทนาที่พวกเราแบ่งปันกัน ดังนั้นพวกเราจึงพูดคุยกันไปเรื่อยๆโดยปราศจากสิ่งขัดจังหวะ ราวกับทหารที่บังเอิญเจอกันบนทะเลทราย พวกเรานั่งล้อมลงและพูดคุยกันหน้าแค้มป์ไฟ พวกเราค่อยๆมุ่งไปข้างหน้า นั่งดื่มและเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่พวกเราได้ใช่ร่วมกัน
ถึงแม้พวกเราจะอาศัยอยู่บนโลกใบนี้ ความสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่หายาก ราวกับเป็นปราสาททองคำท่ามกลางผืนป่า ถ้าหากความสัมพันธ์เช่นนี้จบลง มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างมันขึ้นมาอีกครั้งกับคนอื่น
แต่—
กระบอกปืนเก่าแก่ รหัสตู้เซฟ
ความสัมพันธ์ของพวกเรากำลังจะจบลงอย่างรวดเร็ว

Next → Chapter 2 part 5



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น