Bungou Stray Dogs Fanfiction: “Track 5” Part 1
Pairing: Soukoku
Genre: Drama
Rated: R
Writer: Chiyuu_ki
"อึก.. อ่ะ"
เสียงครางแผ่วดังขึ้นในห้องที่เงียบสงัดผสานกับเสียงลมหายใจหอบกระเส่าของร่างที่อยู่ด้านบน ฝ่ามือของดาไซจับเรียวขาของร่างเล็กขึ้นพาดบ่าก่อนจะกระแทกกายเข้าหาสะโพกมนอย่างถี่กระชั้นจนคนด้านล่างแทบสำลักลมหายใจของตัวเอง
"ระ แรงไปแล้วดาไซ.. อ่ะ"
ฟันขาวกัดลงบนริมฝีปากเพื่อระบายความวาบหวามแต่ถึงอย่างนั้นความเป็นชายที่ถูกสอดแทรกเข้ามาก็ทำให้สติของเขาหลุดลอยออกไปไกลทุกที
"อ่า.. ทนอีกนิดล่ะชูยะ.. ฉันจะเสร็จแล้วล่ะ"
นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงมองคนด้านล่างด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ใบหน้าคมโน้มลงบดเบียดกลีบปากบางอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนฝ่ามือจะเลื่อนลงไปรูดรั้งแกนกายเล็กให้อีกฝ่ายได้ถึงฝั่งฝันไปพร้อมกัน
หลังจากที่ทั้งสองปลดปล่อย ดาไซถอนแกนกายของตนออกและขยับลงมานอนกอดร่างเล็กเอาไว้ ปลายคางเกยลงบนบ่าของอีกฝ่ายพร้อมยิ้มระรื่นอย่างอารมณ์ดี
"ไม่ได้ทำตั้งนานก็ยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะชูยะเนี่ย~" ดาไซเอ่ยพร้อมขยับท่อนแขนกอดรอบเอวบางเอาไว้หลวมๆ ใบหน้าคมฉายแววพอใจกับเสียงกร่นด่าที่ดูอ่อนแรงกว่าทุกครั้ง
"หุบปากไปเลยไอผ้าพันแผลงี่เง่า ถ้าพรุ่งนี้ฉันไปทำงานไม่ไหว แกต้องเป็นคนรับผิดชอบ"
"โถ่ๆ แค่นี้ไม่ทำให้นายหมดแรงหรอกน่า~ จริงไหมๆ ครั้งก่อนนั้นเราทำกันตั้งหลายรอบนายยังไหวอยู่เลยนี่นา" ริมฝีปากยิ้มพรายเมื่อได้เห็นใบหน้าหวานที่ดูหงุดหงิดแต่กลับมีสีเรื่อจางๆบนสองข้างแก้ม ดาไซขยับปลายนิ้วเกลี่ยกลุ่มผมสีสว่างที่ระอยู่ข้างแก้มของร่างบางในอ้อมกอด
"จะว่าไป.. บอสให้นายไปทำภารกิจที่ไหนน่ะชูยะ"
"ยุโรป" คนตัวเล็กเอ่ยสั้นๆพร้อมเอื้อมมือไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ ชูยะแงะมือปลาหมึกออกจากเอวตัวเองก่อนจะขยับกายนั่งพิงหัวเตียง
นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองกายบางที่มีผ้าห่มคลุมเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ก่อนจะถอนหายใจออกมา
"แต่นายเพิ่งกลับมาจากยุโรปเองไม่ใช่หรอ ทำไมบอสให้นายไปอีกแล้วล่ะ" เขาเอ่ยออกมาด้วยความไม่สบายใจเท่าไหร่
"เพราะภารกิจมันยังไม่เสร็จน่ะสิ" ริมฝีปากบางพ่นควันสีขาวออกมา "เห็นว่าองค์กรที่ฉันไปเจรจาครั้งก่อนกำลังมีปัญหา อาจจะโดนโจมตีเมื่อไหร่ก็ได้ บอสคงไม่สบายใจเท่าไหร่ที่ต้องเห็นขุมทรัพย์ของตัวเองถูกชิงไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้น"
"เลยต้องส่งชูยะไปอีกรอบงั้นสินะ.." ดาไซนิ่งไปซักพักเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกคนเอ่ย ก่อนที่เขาจะหันไปสบกับนัยน์ตาสีฟ้าที่กำลังจ้องมา
“อะไรของแก สีหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงน่ะ” ปลายนิ้วเรียวเคาะขี้บุหรี่ให้ร่วงลงบนพื้นข้างเตียงก่อนจะอัดควันสีขาวเข้าปอดอีกรอบ ในใจรู้สึกวูบไหวแปลกๆเมื่อได้เห็นความไม่สบายใจที่ปรากฎอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย
“ครั้งนี้ฉันแค่รู้สึกแปลกๆ ฉันไม่อยากให้นายไปเลย”
“งี่เง่า แกคิดจะให้ฉันปฎิเสธภารกิจที่บอสมอบหมายมาให้โดยตรงแบบนี้รึไงดาไซ”
เมื่อเอ่ยจบ ร่างเล็กลุกจากเตียงและหยิบชุดคลุมอาบน้ำขึ้นมาสวมก่อนจะเดินตัวปลิวออกไปสูบบุหรี่ที่ริมระเบียงด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ปล่อยให้ดาไซจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
เขากับนากาฮาระ ชูยะ เพิ่งมีสถานะเป็นคนรักกันได้ไม่นาน และแน่นอนว่าแม้แต่ลูกน้องที่ตนไว้วางใจที่สุดก็ไม่มีใครรู้ถึงความสัมพันธ์นี้ ด้วยความที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ยังเด็กทำให้ทั้งคู่มีความใกล้ชิดกันมาก มากเสียจนกลายเป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้ง แต่สำหรับชูยะแล้ว ไม่ว่าอย่างไรคำสั่งจากบอสก็คือที่สิ้นสุด
“เฮ้อ~~ ทำบรรยากาศเสียจนได้แฮะ” ร่างสูงขยี้ผมที่ยุ่งไม่เป็นทรงของตัวเองก่อนจะเหยียดกายนอนบนเตียงกว้าง ใบหน้าคมฉายแววไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด เขาปรายตามองไปยังคนรักของตนที่ยืนอยู่อีกฟากของหน้าต่าง ชูยะต้องออกเดินทางพรุ่งนี้แต่เช้า นี่คงเป็นคืนสุดท้ายที่พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน แต่ถ้าเกิดไปเซ้าซี้อะไรมากกว่านี้อาจจะทำให้ร่างเล็กอารมณ์บูดมากกว่าเดิมซะเปล่าๆ
ดาไซถอนหายใจก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นคลุมกาย ปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ห้วงนิทราในเวลาไม่นาน
นัยน์ตาสีน้ำตาลแดงลืมขึ้นเมื่อไม่รู้สึกถึงไออุ่นของคนที่ควรจะนอนอยู่ข้างๆ
ดาไซตัดสินใจลุกจากเตียงตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เสียงกุกกักดังขึ้นที่ห้องแต่งตัว ชูยะเองคงกำลังเก็บของเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางอยู่
เขาลุกไปล้างหน้าก่อนจะเดินออกไปยังห้องครัว
“โฮ่ย ดาไซ” ร่างเล็กเอ่ยขึ้นขัดจังหวะในขณะที่เขากำลังยืนจิบกาแฟอยู่ ใบหน้าคมผินมองอีกฝ่ายที่ลากกระเป๋าเดินทางออกมา
“อ่า.. ชูยะ จะไปแล้วสินะ” เขายกยิ้มให้ชูยะตามปกติก่อนวางแก้วกาแฟลงบนเค้าท์เตอร์และเดินเข้าไปหาคนรักของตน ฝ่ามือทั้งสองแนบลงบนข้างแก้มของอีกฝ่ายที่ทำสีหน้าบอกบุญไม่รับก่อนจะโน้มหน้าลงไปหา นัยน์ตาสีฟ้าปิดลงโดยอัตโนมัติ แต่ถึงอย่างนั้นร่างเล็กก็ไม่รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆที่ควรจะแนบลงบนริมฝีปากของตนอยู่ดี
ชูยะลืมตาขึ้นก่อนจะสบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลแดงที่จ้องมาด้วยความขบขัน
“แกอยากตายรึไงดาไซ! อะ..” คำด่าที่เหลือถูกกลืนกลับลงไปทันทีที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายแนบลงมา ฝ่ามือเล็กที่อยู่ใต้ถุงมือสีดำสนิทยกขึ้นรั้งต้นคอของร่างสูงตรงหน้าลงมาเพื่อกดจูบให้แนบสนิทยิ่งขึ้น ริมฝีปากของทั้งคู่แนบกันอยู่อย่างนั้นก่อนค่อยๆผละออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง
“โชคดีนะชูยะ เสร็จแล้วรีบกลับมาล่ะ”
“รู้แล้วน่า อย่าทำเป็นอาลัยอาวรณ์ไปหน่อยเลยไองี่เง่า” ชูยะหยิบหมวกมาสวมและยิ้มเยาะกับน้ำเสียงหงอยๆของคนรัก ก่อนที่เสียงข้อความจากโทรศัพท์มือถือจะดังขึ้นขัดจังหวะของทั้งคู่
“อ่า.. ฉันต้องไปแล้ว รถมารอรับแล้วล่ะ” ร่างเล็กเงยหน้ามองอีกฝ่าย
“แล้วเจอกันดาไซ”
ฝ่ามือกร้านรั้งอีกคนเอาไว้ในจังหวะที่ร่างเล็กหันจากไป
“อะไรของแกอีกเจ้าบ้า”
สายตาที่ดาไซมองมาให้ทำเอาเขาไม่อยากจากไปไหน แต่ถึงอย่างนั้น ภารกิจนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญ
“อย่าตายอยู่ข้างนอกนั่นเชียวล่ะ ชูยะ”
“รู้แล้วเฟ้ย!” ชูยะเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ก่อนจะเดินออกจากห้องไปยังรถลีมูซีนสีดำสนิทที่รอบรับอยู่ด้านล่าง
ดาไซยืนมองจนแผ่นหลังเล็กเดินลับตาไปก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
—รู้สึกไม่สังหรณ์ใจไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก
“เฮ้อ~ ชักจะคิดมากเกินไปแล้วแฮะ แถมวันนี้ต้องไปที่ศูนย์บัญชาการซะด้วย หมดวันแล้วชวนโอดะซาคุกับอันโกะไปดื่มซักหน่อยดีกว่า”
ในช่วงสายดาไซมุ่งหน้าไปที่ศูนย์บัญชาการ เมื่อรถมาจอดเทียบอยู่ด้านหน้าอาคาร พนักงานรักษาความปลอดภัยก็เดินมาเปิดประตูรถให้ตามปกติ เขาเดินผ่านประตูบานเลื่อนที่ทำจากกระจกใสเข้าไปยังห้องโถงที่หรูหราราวกับโรงแรมห้าดาว ดาไซมุ่งหน้าไปยังลิฟท์แก้วและกดลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นบนสุด
เขาทอดมองออกไปนอกกระจกใส
ศูนย์บัญชาการใหญ่ของพอร์ตมาเฟียตั้งอยู่ใจกลางเมืองโยโกฮาม่า เป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการติดต่อสื่อสาร ทำธุรกิจหรือแม้กระทั่งเป็นป้อมปราการ พอร์ตมาเฟียเองก็มีไม่อำนาจไม่น้อยไปกว่าเหล่าสารวัตรทหารหรือนักการเมือง ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสามารถในการบริหารและกลยุทธอันชาญฉลาดของผู้นำคนปัจจุบัน ทำให้ตอนนี้พอร์ตมาเฟียอยู่ในยุคที่รุ่งเรืองจนถึงขีดสุด
ลิฟท์แก้วหยุดเมื่อถึงชั้นปลายทาง
ดาไซเดินออกจากลิฟท์ พื้นทางเดินเบื้องหน้าถูกปูด้วยพรมหนา กำแพงทั้งสองข้างถูกบุด้วยผ้ากำมะหยี่ชั้นดี
ชั้นบนสุดของอาคารสูงเสียดฟ้าคือห้องทำงานของผู้นำแห่งพอร์ตมาเฟีย—โมริ โอไก
ด้วยตำแหน่งในตอนนี้ของดาไซ ทำให้เขาขึ้นมาที่นี่บ้างเป็นครั้งคราว และนี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ดาไซเดินผ่านการ์ดร่างใหญ่และเคาะประตูห้องทำงานแสนโออ่า เขานิ่งรอการตอบรับจากคนด้านใน
“เข้ามาได้เลย”
ดาไซผลักบานประตูเข้าไป
เขาเดินเข้าไป ภายในมืดสลัวเฉกเช่นทุกครั้ง ชายหนุ่มวัยกลางคนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน บนใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มพราย
“อรุณสวัสดิ์ดาไซ หน้าตาไม่ค่อยสดชื่นเลยนะ” บอสแห่งพอร์ตมาเฟียกล่าวทักทาย
“มีธุระอะไรรึเปล่าครับบอส” ดาไซเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะนำซองเอกสารซองหนึ่งออกมาวางบนโต๊ะ
ดาไซเดินเข้าไปใกล้และหยิบมันขึ้นมาดู
มันคือบันทึกทางการเงินของพอร์ตมาเฟีย
“เอกสารแบบนี้คุณควรจะให้อันโกะจัดการไม่ใช่หรือไงครับ”
“พอดีฉันส่งอันโกะไปทำธุระที่ต่างประเทศ ฉันเลยอยากให้นายช่วยจัดการให้หน่อยน่ะ”
ชายตรงหน้าประสานมือไว้ใต้คาง ดาไซขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ช่วงนี้คุณส่งสมาชิกไปทำงานที่ต่างประเทศบ่อยนะครับ”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบรับอะไร ใบหน้าของโมริยังคงมีรอยยิ้มพรายประดับอยู่เช่นเดิม
“ถ้าหมดธุระแล้ว ผมขอตัวก่อน”
ดาไซเอ่ยอย่างห้วนๆก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่ประตู
“ดาไซ”
เขาหยุดฝีเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงของผู้บังคับบัญชา
“ไม่ต้องห่วงชูยะคุงหรอก คนที่รู้ดีที่สุดว่าเขามีฝีมือขนาดไหนคือนายไม่ใช่หรือไง”
ดาไซไม่ได้ตอบรับอะไร ฝ่ามือที่ถือซองเอกสารอยู่กำแน่นขึ้นจนผิดสังเกต เขาก้าวยาวๆออกจากห้องทำงานของโมริไป
ดาไซถอนหายใจออกมาเมื่อเดินพ้นออกมาจากห้อง บอสคงรู้ถึงความสัมพันธ์ของเขากับชูยะแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างสูงเดินกลับไปยังทางที่เขาผ่านมา
ป่านนี้ชูยะน่าจะใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว
ดาไซส่งข้อความไปหาคนรักของตน ก่อนจะออกจากศูนย์บัญชาการไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังบาร์เจ้าประจำที่เขามักจะแวะไปนั่งเล่นเพื่อหลบหนีจากความวุ่นวายของโลกภายนอก
ดวงอาทิตย์ที่เคยส่องสว่างอยู่กลางหัวเริ่มคล้อยต่ำลง
“นี่ๆ โอดะซาคุ ฉันเพิ่งได้ยินมาว่าบอสส่งอันโกะไปทำงานที่ต่างประเทศอีกแล้วล่ะ ทำไมฉันถึงไม่ได้ไปทำงานอย่างนั้นบ้างนะ”
ขวดสาเกขวดที่สามหมดลง ภายในบาร์ที่เงียบสงัดมีเพียงชายสองคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้หน้าเค้าท์เตอร์
ดาไซยังคงพูดจ้อถึงเรื่องต่างๆให้คนข้างกายฟังพร้อมกับจิบสาเกเป็นระยะ
โอดะซาคุมองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ
“ดาไซ วันนี้นายดูแปลกๆนะ มีอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองขวดสาเกเปล่าบนโต๊ะ โดยปกติแล้วดาไซมักจะเอาแต่คีบปูกระป๋องเข้าปากมากกว่ามานั่งดื่มแบบนี้
“ฮะๆ ไม่มีอะไรหรอกน่า~ ฉันแค่อยากรู้น่ะสิว่าฉันจะดื่มได้มากแค่ไหน! นี่ๆ เรามาแข่งกันหน่อยดีไหมโอดะซาคุ”
ดาไซจัดแจงสั่งสาเกเพิ่มโดยที่ไม่ได้รอให้อีกฝ่ายตอบรับ เขายังคงตีหน้ายิ้มแย้ม
ในใจกำลังรอใครบางคนที่ควรจะติดต่อกลับมาตั้งแต่หลายชั่วโมงที่แล้ว
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อของเขายังคงนิ่งสนิท
Writer’s Talk
สวัสดีค่ะ! หลังจากที่เราแปลโนเวลของบุงโกไปจนจบเล่มสองแล้ว เราก็เริ่มผันตัวเองมาแต่งฟิคกับเขาบ้าง นี่เป็นฟิคเรื่องแรกของเราเลยค่ะ ภาษาอาจจะห้วนๆไปบ้าง ต้องขอโทษด้วยนะคะ TvT)
เราตั้งใจให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ดาไซยังอยู่ที่พอร์ตมาเฟียค่ะ ถ้าใครที่ได้อ่านโนเวล Dazai Osamu and the Dark Era แล้ว เหตุการณ์นี้จะอยู่ในช่วงที่อันโกะไปแทรกซึมในองค์กรนักลอกเลียนแบบนั่นเอง
ส่วนเรื่องนี้จะเป็นฟิคสั้นหรือยาวเราเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ(...) แต่ไม่น่าจะจบภายในสองหรือสามตอนแน่นอน ยังไงก็ขอบคุณที่กดเข้ามาอ่านกันนะคะ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น