แฟนฟิคเรื่องนี้มาจากการ์ตูนเรื่อง "Bungou Stray dogs" ค่ะ
ถ้าสงสัยว่าแท็ก คืออะไร มันคือแพริ่งคู่ประธานฟุคุซาวะกับรัมโปค่ะ โฮ///// ยังไงก็รู้สึกว่ารัมโปเขาเป็น จริงๆนะ
**Warning : Spoiler just a little bit about Boss of the Port mafia and the beginning of episode 11**
Note : เป็นฟิคที่ไม่ได้ตั้งใจจะให้เกิดขึ้นมา(...) เพ้อเรื่องที่ว่าคู่นี้ไม่ค่อยโผล่เลยแต่โมเมนท์ร่ำรวยจังเลยนะ อยากลองเขียนถึงสักหน่อย.. ส่วนใหญ่เป็นมุมมองที่ประธานมีต่อรัมโป
มีฉากเพิ่มเติมจากในอนิเมเพราะเขียนตั้งแต่ตอนอ่านมังงะ โฮ เป็นฉากที่ตำรวจสงสัยเคียวกะ อัตสึชิแถไม่ได้เรื่อง ประธานเลยเดินมาบอกว่าเด็กคนนี้เป็นหลานฉันเอง(...)
ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านในบล็อกนี้ค่ะ / v \
---
"Reach"
"ขอร้องล่ะค่ะ"
เขาคิดว่า... ในวินาทีนั้น เขาเข้าใจความรู้สึกของโอไก โมริ, บอสของพอร์ทมาเฟียซึ่งมีงานอดิ
เรกนิยมชมชอบเด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่า 12 ปีลงไปขึ้นมา
เมื่อนึกถึงดวงตาสีน้ำเงินใสแจ๋วของเด็กสาวแล้ว ก็อดทอดถอนใจไม่ได้ ไพล่คำนึงไปถึง(คนที่ดูเหมือนจะเป็น)'เด็กหนุ่ม'อีกคนหนึ่งซึ่งปิดตาเอาไว้แทบจะตลอดเวลา รอยยิ้มที่ฉีกกว้าง ตัวตนที่ทำให้สำนักงานนักสืบยังคงดำรงอยู่ได้
หรือถ้าหากจะให้พูดในทางกลับกัน, คือคนที่ทำให้สำนักงานนักสืบแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นมา
เขายกแก้วน้ำชาที่ซื้อมาจากร้านถ้วยชามชิโมะมูระข้างๆบริษัทขึ้นมาจิบ พึมพำว่าร้อนตามความเคยชินขณะพลิกหน้ากระดาษเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ เหล่มองนาฬิกา.. ดึกแล้ว เลยเวลาที่เด็กคนนั้นมักจะมาที่นี่ได้ประมาณสักยี่สิบนาที ...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ ?
ในขณะที่กำลังครุ่นคิด ประตูห้องทำงานก็เปิดผางโดยไม่มีการเคาะประตูเตือนมาก่อน 'เด็กคนนั้น'ที่เพิ่งจะถูกนึกถึงไปเมื่อครู่เดินเข้ามาที่โต๊ะทำงานแล้วปีนขึ้นมานั่งบนนั้นเหมือนอย่างเคย ไม่ได้สนใจสักนิดว่ากำลังนั่งทับเอกสารงานสำคัญหลายๆอย่างอยู่ อายุ26แต่กลับยังเหมือนกับเป็นเด็กเหมือนอย่างที่เพื่อนร่วมงานได้ว่าไว้, เอโดงาวะ รัมโป
ใบหน้านั้นดูไม่สบอารมณ์ และเจ้าตัวก็ไม่ได้กล่าวทักทายหรือกวนประสาทเขาเหมือนอย่างเคย คิ้วขมวดมุ่น มือทั้งสองกอดไว้ที่หน้าอกราวกับจะกล่าวโทษอะไรสักอย่าง ท่าทีบ่งบอกชัดนักว่าไม่พอใจ ทว่าตัวเขาเองไม่ได้แสดงท่าทีอะไร เพียงแค่เอ่ยถามขณะยังไม่เงยหน้าไปจากเอกสารที่ถืออยู่ในมือ "เป็นอะไร"
ปากเรียวเม้มแน่นก่อนจะเอ่ยออกมา "ประธานถูกใจเด็กใหม่คนนั้นน่าดูเลยนี่" คงจะหมายถึงอิสึมิ เคียวกะ "ถึงขั้นยอมบอกตำรวจว่าเป็นหลาน"
เขาตอบกลับไปอย่างเรียบๆ "ถ้าหากฉันไม่ทำอย่างนั้น เธอก็คงถูกตำรวจจับไปแล้ว"
เจ้าตัวได้ยินดังนั้นก็ยิ่งคิ้วขมวดเข้าไปใหญ่ ดันตัวลุกออกจากโต๊ะ เดินกลับไปกลับมาอย่างหงุดหงิด "ก่อนหน้านี้ก็เหมือนกัน ทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเด็กเสือคนนั้น ถึงขั้นยกเลิกงานเลยนะ! ผมไม่เห็นเข้าใจเลย"
เขาพอจะเข้าใจขึ้นมาสักหน่อยแล้วว่าสาเหตุที่รัมโปหงุดหงิดอย่างนี้มันเป็นเพราะอะไร "ทั้งสองคนเป็นสมาชิกของสำนักงานนักสืบ ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพวกเขา ทุกคนที่นี่ก็จะต้องช่วยอยู่แล้ว"
และใบหน้าแบบนั้นก็มา ใบหน้าจนใจแบบที่เถียงอะไรไม่ได้แต่ก็ขัดใจอยู่ในทีของรัมโป เจ้าตัวเดินกลับไปนั่งที่โซฟากลางห้อง ยกเข่าขึ้นกอดพลางเอ่ยเสียงเบา "...จะช่วยพวกเขาแล้วทิ้งผมหรือไง"
ประธานของสำนักงานนักสืบขมวดคิ้ว คราวนี้ยอมเงยหน้าจากเอกสารในมือเสียที มองตรงๆไปยังคนที่เมื่อสักครู่ดื้อแถมยังก่อกวนเหลือเกินแต่ในตอนนี้กลับทำหน้าราวกับลูกหมาถูกทิ้ง ..แล้วความคิดก็กระจ่างชัด รัมโปมักจะทำนิสัยแบบนี้เสมอ แบบที่เขาเห็นมาตั้งนานแล้ว
รัมโปนิสัยเอาแต่ใจ ถึงจะร่าเริงตลอดเวลาแต่ก็อวดเก่ง ดื้อเป็นที่หนึ่ง จึงไม่ค่อยมีคนชอบเขานัก มีคนในสำนักงานมาเล่าให้ฟังว่าไปแสดงนิสัยอย่างนั้นให้ตำรวจคนนั้นเห็นจึงไม่ชอบขี้หน้า ยังดีที่ไขคดีเสียจนได้รับการยอมรับ แต่เหตุการณ์แบบนั้นจะเกิดขึ้นได้บ่อยสักแค่ไหนกัน
ดังนั้นเมื่อรัมโปให้ความสำคัญกับใคร เขาจะหวงคนคนนั้นมาก เหมือนพี่ที่กลัวว่าจะถูกน้องแย่งความรักไป เหมือนรัมโปที่กลัวว่าจะถูกสองคนนั้นแย่งความสนใจจากเขาไป ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุให้เจ้าตัวมานั่งหงุดหงิดใจอยู่ตรงนี้
หากจะนอกเรื่องไปจากเดิมสักหน่อย เขาคงต้องยอมรับว่าเขาชอบแมวมาก ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ชอบเขาเลยก็ตาม แมวเป็นสัตว์ที่อวดดี หยิ่งผยองในศักดิ์ศรี ในเวลาที่อารมณ์ดีก็มักจะมาคลอเคลียใกล้ๆ แต่หากอารมณ์ไม่ดีก็สะบัดหน้าใส่ เดินจากไปหรือแม้แต่ข่วนให้ได้รอยแผล... บางทีเขาก็อดเปรียบเทียบกับรัมโปไม่ได้ แมวและเด็กคนนั้นให้บรรยากาศคล้ายกันเหลือเกิน
ในยามอารมณ์ดีก็จะมาคลอเคลียใกล้ๆ รอยยิ้มร่าเริง น้ำเสียงสดใสหรือแม้แต่ท่าทีเอาแต่ใจที่เขาเห็นจนชินตา อุณหภูมิอุ่นๆหรือแม้แต่กลิ่นหอมที่บางครั้งก็โชยมาจากร่างที่นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา ท่าทางขี้เกียจและเบื่อหน่ายเหมือนแมว.. ในยามที่อารมณ์เสียก็เดินหนีไปไม่ก็ทำหน้างอง้ำใส่ จะบอกว่าไม่เหมือนได้อย่างไร
และสิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างของทั้งสองอย่างคือ, เขาชอบมันเหมือนกัน
เขาเดินเข้าไปใกล้โซฟา รู้สึกว่าเจ้าตัวขยับขาที่กอดไว้นิดหน่อยอย่างประหม่าราวกับกลัวนักว่าเขาจะตำหนิหรือทำอะไร ถึงจะบอกว่าอายุ26แต่ก็ห่างกับเขาเกือบสิบปี ...รวมไปถึงท่าทางอย่างนั้นอีก เขาจะถูกเหมารวมว่าเป็นพวกชอบเด็กเหมือนกับโอไก โมริหรือเปล่านะ ?
เขาไม่ได้จะทำอะไรอย่างที่เด็กคนนี้คิดกลัวไปก่อน ที่จริงแล้วเพียงแค่ยกมือไปลูบหัวกระเซิงนั้น พลางกล่าวเสียงเบา "สำหรับฉัน... นายก็คือนาย ไม่มีใครสำคัญไปกว่าใคร"
สังเกตเห็นดวงตาสีเขียวนั้นเบิกกว้างขึ้น มองเขาอย่างตกตะลึง ...คิดไปได้อย่างไรกันนะว่าเขาชอบอิสึมิ เคียวกะมากกว่า ไม่ว่านัยน์ตาสีน้ำเงินนั้นจะใสสักแค่ไหน ก็สู้สีเขียวประกายงดงามที่เขาไม่ค่อยได้เห็นนักของเด็กคนนี้ไม่ได้หรอก
เหมือนกับถูกมนตร์สะกด รู้สึกตัวอีกทีใบหน้าค่อยๆเลื่อนไปใกล้ยิ่งขึ้น สัมผัสได้ถึงลมหายใจตื่นตระหนกของอีกฝ่ายและใบหน้าของคนตรงหน้าที่ยิ่งแดงเรื่อขึ้นทุกที เพียงอีกนิดริมฝีปากก็จะสัมผัสกัน เขาหยุด จ้องเข้าไปที่ดวงตาสีสวยนั้นพลางยิ้มออกมาเล็กน้อย
จะรู้ไหมนะ จะสื่อไปได้ไหมนะว่าฉันต้องการจะบอกอะไรกับนาย
แต่สำหรับนายก็คงจะเป็นเรื่องง่ายที่จะรู้อยู่แล้วใช่ไหม เอโดงาวะ รัมโป
---
แต่งคู่นี้ออกมาเยอะๆน่ะค่ะ
ตอบลบ