คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 3: The Untold Story of the Founding of the Detective Agency
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Chiyuu_ki
English Scans Here!
← Previous: Chapter 2 Part 3
ปลอบรัมโปในขณะที่เจ้าตัวกำลังคร่ำครวญถึงขนม – สามครั้ง
ยอมแพ้และยอมไปซื้อให้เขา – สองครั้ง
ถูกถามว่าทำไมเครื่องบินถึงบินได้ – สามครั้ง
เกลี้ยกล่อมรัมโปขณะที่เจ้าตัวกำลังบ่นว่าเมื่อยและอยากจะหยุดพัก – สามครั้ง
แบกรัมโปขึ้นหลัง – สี่ครั้ง
และในที่สุด ทั้งสองคนก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
ก่อนหน้านั้น รัมโปเอาแต่ถามคำถามอย่างไม่หยุดหย่อน เขาถามเกี่ยวกับความคิดเห็นต่างๆ บ่นถึงเรื่องนู่นนี่และบอกว่าเขาไม่ชอบการเดิน เขาไม่เหมาะกับงานที่ต้องใช้แรงงาน การเดินทางไกลๆช่างเป็นสิ่งที่เสียเวลา อุปกรณ์สื่อสารถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออะไร เรายังไม่ถึงอีกหรอ ผมอยากกินขนม บริษัทนั้นกำลังจะเจ๊งแน่นอน คุณภาพชีวิตของผู้คนตกต่ำลงหลังจากการเปลี่ยนประธานาธิบดี เมืองนี้มันไม่มีอะไรดีแต่ที่ชนบทห่วยแตกยิ่งกว่านี้อีก ผมอยากล่องเรือชมวิว ผมอยากให้อาหารนกพิราบ เรายังไม่ถึงจริงๆหรอ ผมอยากกินขนมจัง ทำไมเรายังไม่ถึงกันซักทีล่ะ
ฟุคุซาว่าไม่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
สำหรับฟุคุซาว่าที่แตกฉานในศาสตร์การป้องกันตัวของญี่ปุ่นโบราณและมีความเฉียบคมทั้งเทคนิคการต่อสู้และจิตวิญญาณ จิตที่นิ่งสงบของเขาไม่มีทางถูกรบกวนด้วยเสียงร้องงอแงของเด็ก มันเป็นผลพวงของการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ฟุคุซาว่าเอ่ยตอบรัมโปโดยไม่มีความเปลี่ยงแปลงทางสีหน้าและน้ำเสียงแม้แต่น้อย
ถึงฟุคุซาว่าจะเอ่ยตอบ แต่ในใจเขากำลังอยากโยนเจ้าหนูนี่ทิ้งไป ใช้เชือกมัดและปล่อยเขาไว้ที่หัวมุมถนน หรือไม่ก็เปิดฝาท่อระบายน้ำและพาเจ้าหนูนี่เดินร่วงลงไป ฟังเสียงเสนาะหูของน้ำที่แตกกระจายก่อนจะปิดฝาท่อระบายน้ำตามเดิม นอกจากนั้นเขายังคิดแผนอีกกว่าห้าสิบแผนที่จะทิ้งรัมโปเอาไว้และจากไป แต่แผนพวกนั้นก็อยู่แค่ในความคิดเท่านั้น
ยิ่งเขาคิดแผนได้มากเท่าไหร่ สีหน้าของเขาก็ยิ้งไร้อารมณ์มากขึ้นตามไปด้วย–
“ตาแก่ คุณนี่อดทนเก่งจริงๆ”
นั้นเป็นสิ่งที่รัมโปพูด
ถ้าหากฟุคุซาว่าจิตใจวอกแวกไปเพียงนิดเดียว ตอนนี้อีกฝ่ายคงกำลังเดินตรงไปยังท่อระบายน้ำแล้ว
นี่คือผลจากการฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้เป็นประจำ
ในวันนั้นพวกเขาใช้เวลาเดินทางกว่าสองชั่วโมง และแล้วฟุคุซาว่าก็สามารถคิดแผนที่ห้าสิบเอ็ดออก แต่มันค่อนข้างจะรุนแรงไปซักหน่อยจึงไม่สามารถเขียนมันลงมาได้– ในที่สุดพวกเขาก็ถึงจุดหมายปลายทาง
“โรงละคร?”
“ใช่”
ภายใต้ท้องฟ้าสีครามในยามเย็น ทั้งสองยืนอยู่หน้าโรงละครที่ถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย
ป้ายโฆษณาของการแสดงถูกเย็บติดเอาไว้กับป้ายประกาศที่หน้าทางเข้า ถึงแม้ว่าจะมีเวลาอีกเหลือเฟือกว่าการแสดงจะเริ่ม พวกเขาก็เห็นผู้ชมจำนวนมากที่กำลังทยอยเข้าไปในโรงละคร ที่กำแพงของอาคารมีแผ่นหินสลักคำว่า “โรงละครนานาชาติ” ประดับอยู่
รัมโปมุ่ยหน้าทันที “ดูน่าเบื่อชะมัด”
“เจ้าของที่นี่กำลังบ่นว่าพวกเขากำลังขาดคน หลังจากเสร็จธุระ หล่อนอาจจะตกลงที่จะจ้างนาย”
“ธุระ?”
“มีการขู่ฆาตกรรม” ฟุคุซาว่าเอ่ยและเดินเข้าไปด้านใน ตามด้วยรัมโปที่ก้าวยาวๆตามเขาไป
หลังจากใช้ทางเข้าสำหรับคนส่งของที่อยู่ด้านหลังโรงละคร พวกเขากำลังลงบันไดไปยังชั้นใต้ดินและพบกับผู้ว่าจ้างของฟุคุซาว่า
“เอาล่ะ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ “ทำไมถึงสาย?”
หญิงคนนี้มีอายุไล่เลี่ยกับฟุคุซาว่า เธออยู่ในชุดสูทและกำลังกอดอกมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจนัก เจ้าหล่อนใช้ปลายนิ้วดันแว่นทรงสามเหลี่ยมล้อมกรอบสีดำอยู่เป็นนิจ
“ขอโทษด้วย เอกาวะซัง” ฟุคุซาว่าน้อมศีรษะเล็กน้อยให้กับผู้หญิงตรงหน้า ถึงแม้สาเหตุของการมาสายของเขาคือรัมโปที่บ่นกระปอดประแปดไม่ยอมหยุดแต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลที่สามารถหยิบมาใช้ได้
“ช่างเถอะ” หล่อนหันกลับและเดินไปตามระเบียงทางเดิน เสียงสะท้อนของรองเท้าดังก้องไปทั่ว ฟุคุซาว่าเดินตามไปอย่างเงียบๆ “ยังมีเวลาเหลืออยู่ก่อนที่การแสดงจะเริ่ม คุณช่วยตรวจสอบสถานที่ให้หน่อย”
ในขณะที่กำลังเดินตามหญิงสาว ฟุคุซาว่าเอ่ยขึ้น “พอจะรู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนส่งคำขู่มา”
เอกาวะหยุดเดินพร้อมมองไปรอบๆก่อนจะเอ่ยตอบ
“นั่นไม่ใช่หน้าที่ของคุณ พวกเราบอกตำรวจไปแล้ว งานของคุณในฐานะบอดี้การ์ดคือการจับตัวคนร้ายหากมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น สรุปคือคุณเป็นแค่กำลังเสริมเท่านั้น ส่วนพวกตำรวจจะคอยระมัดระวังและรวบรวมข้อมูล ให้ตายเถอะ นี่มันแย่จริงๆ ขนาดมีคำขู่ส่งมา คุณรู้ไหมว่าพวกเขาส่งตำรวจมากี่คน– แค่สี่คน นี่มันบ้าชัดๆ พวกเขาคงไม่คิดว่าจะมีการฆาตกรรมเกิดขึ้น– มันจะดูแคลนกันเกิดไปหน่อยแล้ว ถ้าเกิดมีคนตายขึ้นมา พวกตำรวจต้องรับผิดชอบ”
ฟุคุซาว่ารู้สึกสับสนแต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้าแต่อย่างใด ฟังจากลูกค้าที่แนะนำฟุคุซาว่าให้มาที่โรงละคร ผู้หญิงคนนี้มีความสามารถในการทำงานที่เชื่อถือได้แต่นิสัยของเธอนั้นออกจะแตกต่างจากจินตนาการของเขาไปซักหน่อย
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เป็นปัญหาอะไร ฟุคุซาว่าไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปก้าวก่ายการทำงานของใคร เหมือนอย่างที่ผู้หญิงคนนี้พูด เขามีหน้าที่รับผิดชอบแค่ในส่วนของเขาเท่านั้น
“ขอผมดูคำขู่หน่อย การป้องกันจะถูกเปลี่ยนตามจุดประสงค์ของคนร้าย”
“นี่”
เอกาวะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา บนกระดาษมีตัวหนังสือสองสามบรรทัดพิมพ์อยู่
“มันถูกส่งมาที่ออฟฟิศเมื่อไม่กี่วันก่อน ‘เทวทูตจะมอบความตายที่แท้จริงให้กับการแสดง – V’ ที่เหลือก็มี วันที่ เวลาและชื่อของการแสดงระบุเอาไว้ เทวทูตกับ V ฉันละขำจริงๆ นี่มันคำขู่ประเภทไหนกัน มันอาจจะเป็นแค่คำขู่จากผู้ไม่หวังดีกับธุรกิจของเราก็ได้”
“คุณแน่ใจหรอ?”
เอกาวะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงๆหนึ่งดังขึ้น
“ผมว่ามันค่อนข้างชัดเจนนะ นี่หมายความว่าคนที่จะถูกฆ่าก็คือนักแสดง หืมม ผมจะคอยดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นแล้วกันนะคุณป้า”
“ป้า..” คิ้วของเอกาวะขมวดเป็นผม “คุณฟุคุซาว่า เด็กคนนี้เป็นใคร การพาคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในเวลานี้มีแต่จะทำให้เกิดปัญหา”
“ผมขอโทษด้วย เขา… กำลังหางานอยู่ ผมได้ยินมาจากพนักงานที่นี่ว่าโรงละครนี้กำลังขาดคน ผมสงสัยว่าคุณจะช่วยสัมภาษณ์งานให้เขาได้ไหมหลังจากเรื่องนี้จบ”
“หา ก็จริงอยู่ที่เราขาดคน” เอกาวะหรี่ตามองรัมโปด้วยความสังสัยที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว “ฉันเข้าใจ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามกระบวนการของออฟฟิศซะ ส่งประวัติของเธอมาแล้วฉันจะตัดสินเธอร่วมกับผู้สมัครคนอื่นๆ”
“อะไรรรรนะ มีผู้สมัครคนอื่นๆอีกหรอ” รัมโปเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ผมไม่ชอบแบบนั้น! ถ้าเป็นอย่างนั้นผมไม่มีทางได้งานหรอก ผมต้องการงานเดี๋ยวนี้! ตัดสินใจตอนนี้เลย”
“หา?”
ฟุคุซาว่าถอนหายใจ
เขามีความรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
“เธอคิดว่าฉันจะจ้างเด็กหัวแข็งแบบนี้งั้นหรอ ในโลกของผู้ใหญ่ มารยาทมาเป็นอันดับแรก เข้าใจไว้ซะเจ้าหนู”
“ผมเคยได้ยินเรื่องนั้นจากคนอื่นเหมือนกัน หลายรอบแล้ว” รัมโปมีสีหน้าหมองลงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ผมไม่เข้าใจโลกของผู้ใหญ่จริงๆ การพูดสิ่งที่เราคิดออกมามันเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรอ แล้วจะปิดมันเอาไว้ทำไมล่ะ อย่างเช่น คุณป้า คุณน่ะไม่ได้อยากจะเป็นเจ้าของโรงละครนี่หรอก คุณเสียเงินมากมายไปกับเสื้อผ้าและรองเท้าของคุณเพื่อที่จะข่มพวกลูกน้อง คุณไม่ดูแลเล็บและไม่สวมแหวน แต่ที่โคนนิ้วของคุณมีรอยจางๆอยู่ มือของคุณคงอยากกลับไปทำงานเดิมแล้วล่ะ และ…. คุณไม่เชื่อใจตำรวจ บอดี้การ์ดหรือพวกพนักงานในโรงละคร ไม่อย่างงั้นคุณคงแนะนำตาแก่กับตำรวจไปตั้งแต่แรกแล้ว ที่คุณไม่ได้แนะนำไปคงเพราะอยากให้ตาแก่จับตาดูพวกตำรวจอย่างใกล้ชิดใช่ไหมล่ะ และคุณก็อยากให้พวกตำรวจจับตามองตาแก่อย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน ผมคิดว่าก็ดีเหมือนกันที่ทำอย่างนี้เพราะอาจมีบางคนตายก็ได้ ทำไมคุณถึงไม่พูดเรื่องนี้ตั้งแต่ทีแรกล่ะ”
“อะไ–…...” เอกาวะรีบหลบมือของตัวเองไปด้านหลังพร้อมเอ่ยขึ้น “ทำไมเธอถึงไร้มารยาทแบบนี้–”
จากท่าทีฟืดฟัดนั่นเอง ฟุคุซาว่าก็เข้าใจ ทุกอย่างที่รัมโปพูดมาถูกต้องทั้งหมด
“อยากให้ผมพูดมากกว่านี้ไหม? สร้อยเส้นใหม่ที่ดูเรียบๆของคุณไม่ใช่ของขวัญแต่เป็นสิ่งที่คุณซื้อให้ตัวเอง และรูที่คุณเจาะหูก็เกือบตัน นั่นหมายความว่า ในสองสามปีมานี้ ความสัมพันธ์ของคุณกับผู้ชาย–”
“พอแล้ว” ฟุคุซาว่าหยุดรัมโปเอาไว้ “ผมไม่ได้เสียใจเกี่ยวกับสิ่งที่คุณคิด คุณเลือกทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนตาย ผมอยากจะคุยกับพนักงานที่เกี่ยวข้องซักหน่อย ได้ไหม?”
“ตามใจคุณเถอะ!” เอกาวะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสร้งว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่รัมโปพูดเลยแม้แต่น้อย “ฉันชอบงานนี้ โอเคไหม ให้ตายเถอะ นี่มันน่ารำคาญจริงๆ พวกคุณทุกคน!”
เอกาวะกระทืบเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“โลกของผู้ใหญ่นี่มันประหลาด ทำไมเขาต้องโมโหด้วยล่ะ” รัมโปพึมพำขณะมองตามหลังเอกาวะออกไป
ฟุคุซาว่าหายใจเข้าลึกๆ
หลังจากปล่อยลมหายใจออกมาเขาดูหมดแรงอย่างบอกไม่ถูก
เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าทำไมรัมโปถึงทำงานที่ไหนได้ไม่นาน
Next → Chapter 2 Part 5
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น