วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[BSD Trans] Dazai Osamu and the dark era: Prologue 1/3 [แปลไทย]


Bungou Stray Dogs ภาคนิยายแบ่งเป็นหลายภาคค่ะ ทางนี้ที่เรานำมาแปลคือ Dazai Osamu and The dark era เป็นอดีตของดาไซในช่วงก่อนจะออกจากพอร์ทมาเฟีย (เป็นสาเหตุที่ทำให้ดาไซออกด้วยค่ะ)

เราแปลมาจากทรานส์อิ้งอีกทีนะคะ ถ้าหากใครอยากอ่านอิ้งเต็มๆก็เชิญทางนี้ค่ะ → สารบัญทรานส์อิ้ง

เห็นทรานส์อิ้งแบ่งบทนำเป็น 3 พาร์ท ทีแรกก็คิดว่าชิวๆ เอามารวมกันทีเดียวก็คงได้แหละ ที่ไหนได้... พอเอามาแปลกลับยาวกว่าที่คิด ก็เลยขอแบ่งเป็นสามพาร์ทบ้างนะคะ T v T) เสร็จแล้วจะรวมลิ้งค์เป็นสารบัญให้ค่ะ ไม่ห้องห่วง

...มาลองมองดาไซจากมุมมองของโอดะซาคุซังกันค่ะ ' v ')



---

Prologue 1/3



ผมรีบมุ่งหน้าไปที่บาร์ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกอยู่


มันเป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว โคมไฟข้างทางส่องสว่างราวกับกำลังลอยละล่องอยู่บนถนนจนชวนให้รู้สึกขนหัวลุก ผมรีบข้ามถนนเพื่อให้ห่างจากพวกมันและเดินเข้าไปในบาร์ ทันใดนั้นภายในปอดก็เต็มไปด้วยฝุ่นควันที่ลอยฟุ้งอยู่ในบริเวณนั้น ผมเดินลงบันไดไปและก็พบเข้ากับดาไซ เขากำลังนั่งอยู่ที่เคาท์เตอร์ ใช้นิ้วเขี่ยๆเล่นกับแก้วเหล้า ชายคนนี้ใช้เวลาแทบจะทั้งวันอยู่ที่นี่ สั่งเครื่องดื่มมาแต่ก็ไม่ดื่มมัน เพียงแค่จ้องมองไปยังแก้วสีอำพันนั้นอย่างเงียบๆ


"อ๊ะ.. โอดะซาคุ!" ดาไซโบกมือทักผมอย่างร่าเริง


ผมโบกมือกลับและเดินไปนั่งข้างๆเขา บาร์เทนเดอร์ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่วางแก้วเหล้าประจำของผมไว้ตรงหน้าอย่างรู้ใจกันดี


"ทำอะไรอยู่น่ะ" ผมถาม


"กำลังคิดอยู่น่ะ คิดเกี่ยวกับพวกคำถามปรัชญานิดหน่อย"


"คำถามปรัชญาแบบไหน ?"


ดาไซนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบ


"ส่วนใหญ่แล้ว ความสำเร็จน่ะมันยากกว่าความล้มเหลวในโลกนี้ใช่มั้ยล่ะ ?"


"ก็จริงล่ะนะ"


"นั่นก็หมายถึงว่า ฉันไม่ควรวางเป้าหมายสูงสุดเป็นการฆ่าตัวตาย แต่เป็น'การพยายามฆ่าตัวตาย'ต่างหาก! มันอาจจะยากกว่าที่จะฆ่าตัวตายสำเร็จ แต่ว่าความล้มเหลวที่จะ'พยายามฆ่าตัวตาย'กลับมีโอกาสน้อยกว่า! คิดอย่างนี้ถูกมั้ยล่ะ ?"


ผมจ้องเหม่อไปที่เครื่องดื่มของผมสักพัก


"...นั่นมันก็มีเหตุผลดีนะ"


"ใช่มั้ยล่ะ! นั่นแหละ คงต้องลองทดสอบดูซักหน่อยแล้ว.. นี่บอสครับ! มีน้ำยาล้างห้องน้ำอยู่ในเมนูไหม ?"


"ไม่มีหรอกครับ" บาร์เทนเดอร์ตอบอย่างเหนื่อยหน่ายขณะเช็ดแก้วน้ำไปด้วย


"แล้วน้ำยาล้างห้องน้ำผสมกรดคาร์บอนล่ะ ?"


"ไม่มีเหมือนกันครับ"


"งั้นในเมื่อมันไม่มี..."


"...เราก็คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะมั้ง ?"


ผมพยักหน้า อดสำรวจการตกแต่งรอบๆร้านอีกทีไม่ได้ 


ตัวบาร์อยู่ชั้นใต้ดิน ดังนั้นจึงไม่มีหน้าต่าง และยังเงียบสงัดพอๆกับถ้ำหมี ทั้งเคาท์เตอร์ ที่นั่ง และกำแพงถูกเรียงรายไปด้วยขวดเปล่า, ลูกค้าผู้เงียบขรึมและบาร์เทนเดอร์ในชุดเสื้อกั้กสีแดง และเพราะว่าหลายๆอย่างราวกับถูกบีบอัดอยู่ในพื้นที่แคบๆของบาร์นี้ ดังนั้นทางเดินจึงผ่านได้แค่สองคนอย่างเบียดๆเท่านั้น ส่วนของตกแต่งในบาร์ก็เป็นของเก่าที่เหมือนกับหลงเวลามา ชวนให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านสงสัยว่าพวกเขาอยู่ในยุคสมัยไหนกันแน่


ผมจิบเครื่องดื่มในมือแล้วหันไปถามดาไซ


"เห็นเมื่อกี้นายนั่งบ่นเรื่องปรัชญา หรือว่าทำภารกิจล้มเหลวมาอีกแล้วน่ะ ?"


"ถูกแล้วล่ะ แถมไม่ใช่แค่ล้มเหลวด้วยนะ ..มันคือความล้มเหลวสุดๆไปเลย!"


ดาไซทำปากจู๋อย่างไม่พอใจ


"พวกเรากำลังวางแผนล่อศัตรูให้มาติดกับน่ะ คือทุกอย่างมันเริ่มมาจากข้อมูลที่พวกเราได้มาบอกว่า มีพวกโง่ๆกลุ่มนึงวางแผนจะปล้นและทำลายเรือสินค้าที่ขนส่งพวกของผิดกฎหมาย ..ไอ้พวกประสาทที่ทำลายความสุขในชีวิตประจำวันของคนอื่นแบบนี้มันต้องเบื่อโลกแล้วแน่ๆ! ฉันคิดอย่างนั้นเลยไปรอพวกนั้นอยู่ข้างในเรืออย่างตื่นเต้น อยากรู้ว่าพวกนี้ที่คิดจะปล้นเรือจะเป็น'ทหารผู้กล้า'สักแค่ไหน ถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริงฉันจะได้ตายอย่างหรูหราท่ามกลางเรือสำราญตามที่ฝันได้ซักที แต่ที่ไหนได้.. กลับเป็นนักเลงกระจอกๆซะนี่ ที่พวกมันไม่ธรรมดาคงเพราะแค่พกปืนกลกับบาซูก้ามานั่นแหละ ผิดหวังชะมัด แล้วพอพวกนั้นติดกับเราจนแพ้ราบคาบก็วิ่งหนีร้องไห้กระซิกๆกลับบ้านไป เป็นความผิดของพวกนั้นนั่นแหละที่ฉันตายไม่ได้ซักที น่าเบื่อที่สุด"


ผมครุ่นคิดนิดหน่อย ..ยังไงก็นึกภาพคนตรงหน้านี้ล้มเหลวไม่ออกจริงๆนั่นแหละ


"แล้วพวกนั้นมาจากกลุ่มไหนล่ะ ?"


"คนที่กระตือรือร้นหน่อยในกลุ่มเราจับพวกนั้นได้สองสามคน ตอนนี้ถูกขังอยู่ในห้องสืบสวน เดี๋ยวก็คงบอกอะไรมาหน่อยล่ะมั้ง"


กลุ่มที่จะไม่กลัวการถูกลงโทษจากพอร์ทมาเฟียนั้น แน่นอนว่าต้องมี'ทหารผู้กล้า'อย่างที่ว่าอยู่ ถึงดาไซจะผิดหวังก็เถอะ แต่จริงๆแล้วการที่เตรียมปืนกลกับบาซูก้ามาก็แสดงว่าไม่ได้โง่ไปหมดซะทีเดียวหรอก พวกนั้นก็แค่โชคร้ายที่มาเจอกับดาไซเท่านั้นเอง


มีคนพูดกันในพอร์ทมาเฟียว่า 'ศัตรูของดาไซน่ะมีความโชคร้ายอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือการที่มีดาไซเป็นศัตรูนั่นแหละ' ถ้าดาไซต้องการ เขาจะไปปิกนิกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของศัตรูก็ทำได้ ผู้ชายคนนี้...เกิดมาเพื่อเป็นมาเฟียจริงๆ


ผู้บริหารของกลุ่มองค์กรใต้ดินพอร์ทมาเฟีย — ดาไซ โอซามุ


ผู้ชายคนนี้ที่ดูเผินๆเหมือนกับเป็นวัยรุ่นธรรมดากลับแบกรับตำแหน่ง'ผู้บริหารมาเฟีย'เอาไว


ถ้าคนอื่นที่ไม่รู้เรื่องอะไรได้ยินเข้าคงจะหัวเราะราวกับเป็นตลกชั้นดี


อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขาได้เห็นบันทึกประวัติของดาไซอันเต็มไปด้วยเลือดและความมืดหม่นแล้ว คงจะหัวเราะไม่ออกอีกต่อไป กำไรครึ่งหนึ่งของพอร์ทมาเฟียในสองปีที่ผ่านมาเกิดจากชายคนนี้ ทั้งกำไรเป็นล้านๆ ทั้งรายชื่อของคนที่สูญหายและเสียชีวิต มันเหนือกว่าที่สมาชิกธรรมดาๆในพอร์ทมาเฟียอย่างผมจะจินตนาการออกด้วยซ้ำ


 แต่แน่นอน ชัยชนะก็ย่อมมีราคาของมัน


"แผลเพิ่มขึ้นนะ" ผมว่า จิบเครื่องดื่มอีกอึกขณะชี้ไปยังผ้าพันแผลที่เพิ่มขึ้นบนตัวดาไซ


"มันก็ต้องเพิ่มขึ้นแหงอยู่แล้วสิ" เขาหัวเราะ ก้มลงไปสำรวจร่างกายตัวเอง


ทั้งร่างกายของดาไซนั้นเต็มไปด้วย'ราคาของชัยชนะ'


พูดง่ายๆก็คือ ทั้งร่างกายของเขามีบาดแผลเต็มไปหมด ถูกพันหุ้มไปด้วยผ้าพันแผล มันยิ่งทำให้ปรากฎชัดขึ้นว่าดาไซหายใจและอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและความตายจริงๆ


"บาดเจ็บที่ขามาได้ยังไงน่ะ ?" ผมชี้ไปที่ผ้าพันแผลบนขาเขา คิดว่าคงมาจากการต่อสู้ที่รุนแรงแน่ๆ


"ฉันกำลังอ่านหนังสือเรื่อง'วิธีป้องกันตัวเองจากอุบัติเหตุ'ตอนเดินอยู่ แล้วก็เผลอตกลงไปในคูน้ำน่ะ"


ไม่คาดคิดว่าจะได้คำตอบเหนือคาดอย่างนี้เลยแฮะ


"แล้วแผลที่หัวล่ะ ?"


"ตอนนั้นเผลอลื่นลงมาจากยอดภูเขา เลยตกลงไปในหน้าผาน่ะ"


"ถ้าอย่างนั้น ผ้าพันแผลบนหน้าผากนี่...."


"พอดีฉันอยากพิสูจน์ว่าวิธีฆ่าตัวตาย'โหม่งหัวเข้ากับขอบเต้าหู้'มันทำได้จริงรึเปล่า.."


"...นายบาดเจ็บจากการเอาหัวโหม่งเต้าหู้เรอะ"


ถ้ามันเป็นจริง เพื่อนรักของผมคนนี้คงจะขาดแคลเซี่ยมมากๆ


"ฉันคงต้องขอบคุณตัวเองที่ศึกษาวิธีทำเต้าหู้มาอย่างหนัก เพราะเร็วๆนี้เริ่มที่จะดัดแปลงวิธีทำได้ซักหน่อยแล้วแหละ ใช้เกลือลดน้ำในเต้าหู้ ใส่ของหนักเข้าไปซักหน่อย พอไปลองทำในครัวที่บ้านฉัน เต้าหู้มันก็แข็งจนเริ่มจะจิกเล็บเข้าไปไม่ได้แล้ว อยากจะบอกว่าตอนนี้ฉันฉลาดกว่าทุกคนในเรื่องการทำเต้าหู้แล้วล่ะ!"


นั่นสินะ เมื่อผู้บริหารพอร์ทมาเฟียทำเต้าหู้มันก็คงไม่ธรรมดาอยู่แล้ว โดยเฉพาะเขาที่เป็นหนึ่งในห้าผู้บริหารซะด้วย


"แล้วเต้าหู้นั่นรสชาติยังไงล่ะ ?"


"แย่ที่สุด" ดาไซทำหน้าขมขื่น "แต่ถ้าหั่นแล้วเอาไปจิ้มในซอสถั่วเหลืองมันก็อร่อยอยู่นะ"


"ถ้างั้นในเมื่อมันอร่อย..." ผมอดชื่นชมเขาไม่ได้ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ว่าดาไซจะทำอะไร ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็มักจะเหนือคาดอยู่เสมอ


"...คราวหน้าก็เอามาให้ฉันชิมด้วยแล้วกัน"




---


Next : Prologue Part 2/3






1 ความคิดเห็น:

  1. ขำตรงเอาหน้าไปโหม่งเต้าหู้55555ให้ตายสิดาไซ
    อาคุตางาว่าจะหมดความนับถือนายมั้ยเนี่ย555

    ตอบลบ