วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559

[BSD Trans] Dazai Osamu and the dark era: Chapter 3 [2/4 แปลไทย]

คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 2: Dazai Osamu and The dark era: Chapter 3
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Chiyuu_ki
← Previous: Chapter 3 part 1


กองกำลังทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่ที่หน้าศาลเจ้า
คนจากองค์กรมิมิคในชุดสีเทาและคนจากพอร์ทมาเฟียในชุดสูทและแว่นดำ ทั้งสองกลุ่มต่างใช้ปืนพกสาดกระสุนเข้าหากันจากทุกฝั่งของสี่แยก ลูกกระสุนพุ่งไปมาอย่างสะเปะสะปะผ่านถนน เสาสีขาวในศาลเจ้าถูกถากด้วยลูกกระสุนราวกับเสาน้ำแข็งแกะสลัก
ที่ตรงนั้นคือสนามด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ศิลปะ อาคารสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน กำแพงรอบนอกถูกก่อด้วยหินสีขาวเกลี้ยงเกลา เสาสีขาวหลายต้นที่ถูกใช้แทนที่กำบังในการดวลปืนถล่มลงต้นแล้วต้นเล่า
กองกำลังของพอร์ทมาเฟียมีเพียงสี่คนเท่านั้น ส่วนองค์กรมิมิคมีเก้าคน ในเรื่องของฝีมือ ปริมาณและประสบการณ์นั้น มิมิคกำลังได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด ส่วนพอร์ทมาเฟียกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก
เพราะผู้นำของกองกำลังมิมิคใช้วิถีการยิงจากหลายฝั่ง พวกเขาจึงต้องแยกออกมาเป็นกลุ่มเล็ก หนึ่งในผู้นำของพอร์ทมาเฟียออกคำสั่งให้ยิงตอบโต้ในขณะที่พวกเขากำลังถอยเข้าไปตั้งหลักในพิพิธภัณฑ์ ส่วนกองกำลังของมิมิคนั้นกลับไม่มีคำสั่งอะไร เพียงแค่เคลื่อนกำลังพลและไล่ตามศัตรูอย่างเงียบสนิท
ทหารจากองค์กรมิมิคกลุ่มแรกเดินเข้าไปภายในพิพิธภัณฑ์ก่อนที่จะรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้น แต่นั้นก็เป็นการเคลื่อนไหวครั้งสุดท้ายของเขา
“ไม่ชอบดื่มด่ำกับงานศิลปะงั้นเหรอ ?”
ศีรษะของนายทหารปลิวข้ามห้องไปกระทบกับกำแพงก่อนกลิ้งกลับมาที่แทบเท้าของเจ้าของ ไม่นานหลังจากนั้นเลือดสีสดก็พุ่งพรวดออกมาจากคอที่ไร้ศีรษะของร่างนั้น
เงาสีดำพุ่งผ่านจากด้านบนลงมาที่พื้น เสื้อโค้ทสีดำสนิทสะบัดพลิ้วในอากาศ
ทหารอีกกลุ่มที่กำลังตามเข้ามารู้สึกถึงสิ่งปกติก่อนจะยกปืนขึ้น
“ไร้มารยาท ที่นี่เป็นที่สำหรับจัดแสดงจิตวิญญาณแห่งศิลปะ หัดมีความเคารพซะบ้าง”
โค้ทสีดำค่อยๆบิดเป็นเกลียวพร้อมเงาดำที่หมุนไปรอบๆ ก่อนที่จะฉีกขาดเป็นสามส่วนและกลายสภาพเป็นคมดาบพุ่งลงมายังพื้น
คมดาบตัดผ่านกระบอกปืนไรเฟิลเป็นสองส่วนอย่างเรียบกริบ ปากกระบอกที่ถูกตัดร่วงออกจากตัวปืน ปลายนิ้วที่เคยวางอยู่บนไกปืนถูกฟันผ่านและร่วงลงบนพื้น ก่อนที่ลำตัวของเหล่าทหารจะถูกจับบิดจนผิดรูป ส่วนบนหันมาด้านหน้าและส่วนล่างหันไปด้านหลังก่อนที่พวกเขาจะล้มลงบนพื้นอย่างหมดท่า
เหล่าทหารที่โชคดีพอหนีพ้นระยะการโจมตีของคมดาบแห่งความตายหันปากกระบอกปืนเข้าใส่ชายในโค้ทดำพร้อมเหนี่ยวไกปืน
“ปืนเป็นอาวุธของคนเขลา”
เงาของชายในชุดโค้ทสีดำสนิท— อาคุตากาวะ ก้าวเท้ามาข้างหน้า
ลูกกระสุนทั้งสิบสองนัดถูกยิงออกจากปากกระบอกในเสี้ยววินาที พุ่งเข้าหาคมดาบสีดำที่กำลังก่อตัวเป็นเกราะกำบัง
ลูกกระสุนทั้งหมดถูกสไลด์เป็นสองส่วนก่อนที่จะถึงตัวอาคุตากาวะ บางนัดที่ผ่านไปได้พุ่งเข้าใส่เกราะกำบังโปร่งใสและหยุดลง
อาคุตากาวะหันหลังกลับ คมดาบสีดำแห่งความตายเคลื่อนไหวตามเขาราวกับมีชีวิต
ทั้งใบหน้า ลำตัวและขาทั้งสองข้างของเหล่าทหารผู้เคราะห์ร้ายถูกเฉือนออกเป็นสองท่อน ถึงอย่างนั้นใบมีดแหลมคมก็ยังคงเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งก่อนที่มันจะก่อตัวขึ้นเป็นพายุสีดำและโจมตีทุกสิ่งในรัศมีจนสูญสิ้น มันเป็นพลังพิเศษสำหรับการฆ่าฟันและทำลายล้าง ถูกสร้างมาเพื่อการฆาตกรรมโดยสมบูรณ์
อาคุตากาวะยกยิ้ม
หากจะให้เปรียบเทียบก็คงเหมือนจ้าวแห่งปีศาจทมิฬที่กำลังกลืนกินภูตผีสีเทา
“ถอย!”
สีหน้าของเหล่าทหารจากองค์กรมิมิคที่เหลือเปลี่ยนไปพร้อมๆกับสองขาที่ก้าวถอยหลัง
“สู้กับฉัน อย่าหนี!” อาคุตากาวะตวาดใส่พวกเขาพร้อมกับก้าวเข้าไปหา
ลูกกระสุนนัดแล้วนัดเล่าถูกยิงออกจากปืนพกอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่พอ แค่นี้มันไม่ได้เรียกว่าความเจ็บปวดด้วยซ้ำ! โจมตีฉันด้วยความรุนแรงที่มากกว่านี้!!”
เด็กหนุ่มในโค้ทสีดำตะโกนขึ้น น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความวิงวอน
ในเวลาเดียวกัน รถขนส่งจากองค์กรมิมิคก็ปรากฎขึ้นที่หน้าพิพิธภัณฑ์ กองกำลังเสริมพุ่งออกมาจากรถและกระจายตัวออกเป็นกลุ่มย่อย อาคุตากาวะแสยะยิ้มคล้ายสุนัขป่า ในเวลาแบบนี้—
เปลวไฟถูกยิงออกมาจากบริเวณใกล้รถคันเมื่อครู่
จรวดลูกไฟถูกยิงออกมาทิ้งซากสีแดงเพลิงไว้เบื้องหลัง ควันไฟสีทึบปกคลุมไปทั่วบริเวณ
ทหารจากกลุ่มมิมิคหยุดยิง
“อะไร—”
อาคุตสกาวะมองไปรอบๆสนามรบด้วยความไม่แน่ใจ ไม่มีศัตรูคนไหนถืออาวุธอยู่ในมือ ทุกคนต่างวางปืนลงกับพื้น บางคนถึงกับยกสองมือขึ้นเหนือหัว
“ยอมแพ้?” อาคุตะกาวะพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง  “เป็นไปได้ยังไง”
ท่ามกลางเหล่าสมาชิกจากองค์กรมิมิค ชายคนหนึ่งเดินออกมาด้านหน้าพร้อมสองแขนที่ยกขึ้นเหนือศีรษะ
เขาคือทหารกล้าที่เปี่ยมด้วยคุณสมบัติครบถ้วน เครื่องแต่งกายและเส้นผมของเขาคล้ายกับโดนดูดจิตวิญญาณออกไปทำให้เหลือเพียงประกายสีเงินหม่นแสง รูปร่างของเขาคล้ายกับทหารคนอื่นๆแต่กลับสูงกว่ามาก แต่กลับเดินอย่างเงียบเชียบราวกับไร้น้ำหนัก ที่อกเสื้อของเขาถูกประดับด้วยเหรียญตราหลากสี แววตาที่ไร้อารมณ์มองตรงมายังอาคุตากาวะ
สมาชิกของพอร์ทมาเฟียหันปากกระบอกปืนเข้าหาชายไร้อาวุธที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
“นายใช่ไหม ผู้มีพลังพิเศษที่ปืนไม่สามารถทำอะไรได้”
ชายร่างสูงพูดโดยแทบไม่ขยับปาก เสียงของเขาราวกับสายลมที่พัดผ่านจากทุกทิศทาง
“คุณเป็นใคร”
“ผู้บัญชาการ.. ผู้นำของมิมิค
ทันทีที่เขาพูดจบ หน่วยประจัญบานของพอร์ทมาเฟียก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ปากกระบอกปืนถูกเล็งไปยังศัตรูตรงหน้า
แววตาของอีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“ผู้บัญชาการประกาศยอมแพ้? เป็นเรื่องที่กล้าหาญ แต่ผมไม่อยากจะเชื่อ ไม่! มันต้องไม่ใช่แบบนี้!”
เสื้อโค้ทของอาคุตากาวะกลายสภาพและพุ่งเข้าไปหาชายตรงหน้า รัดแขนและขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายอย่างแน่นหนาทำให้ชายหนุ่มต้องคุกเข่าลงบนพื้น
“บอกชื่อมา หัวหน้าของมิมิค
“ฉันชื่ออังเดร ไกด์ ฉันมาที่นี่.. เพื่อสู้กับนาย” อังเดร ไกด์พูดออกมาอย่างเยือกเย็นปราศจากอาการสั่นกลัว
“หัวหน้าขององค์กรต้องการจะสู้กับผมโดยตรง ถ้าหากเป็นเรื่องจริงผมก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก แต่ผมไม่เชื่อคุณ ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังเคยได้ยินสิ่งเดียวกันจากคนอื่นมาแล้วนับไม่ถ้วน” อาคุตากาวะเอ่ยขณะมองไปยังชายตรงหน้าอย่างเย็นชา “รู้รึเปล่าว่าทำไมผมยังไม่หั่นคอคุณทิ้ง”
“เพราะ.. นั่นเป็นสิ่งที่นายถูกสอนมา?”
อาคุตากาวะปล่อยหมัดใส่หน้าอังเดรเต็มแรง เขาไม่สามารถหลบได้เนื่องจากแขนและขาที่ถูกพันธนาการ เลือดสีสดไหลออกจากมุมปาก
“ที่ผมยังไม่ทำเพราะผมได้ยินมาว่าคุณเป็นผู้ใช้พลังพิเศษ” อาคุตากาวะหยิบปืนพกเก่าแก่ที่เอวของอังเดรและเล็งไปที่เขา “ไม่ว่าเศษเดนไร้ค่าที่ผมฆ่าไปจะมีมากเท่าไหร่ ‘คนๆนั้น’ ก็จะไม่ยอมรับผม แสดงพลังของคุณออกมา ถ้าคุณมีพลังที่ว่า ผมจะทำให้ความต้องการของคุณสมหวัง”
อังเดรมองอาคุตากาวะและปืนในมือ ก่อนจะเอ่ยออกมา
“นี่คือพลังของนายสินะ.. ควบคุมเสื้อโค้ทงั้นหรอ” อังเดรพูดพลางเหลือบมองแขนและขาของตนที่ถูกพันธนาการด้วยพลังของอาคุตากาวะ “มันเป็นพลังที่โดดเด่นและเต็มไปด้วยความเป็นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่.. มันก็ยังไม่พอ ไม่พอที่จะชำระล้างดวงวิญญาณของพวกเราจากตราบาป ฉันคงคาดหวังในตัวนายสูงเกินไปหน่อย”
อาคุตากาวะหน้าชาหลังจากได้ยินคำพูดของชายตรงหน้า ลมหายใจของเขาหยุดไปชั่วขณะก่อนจะได้ยินเสียงบางอย่างขาดผึงจากซักแห่งในตัวของเขา
คำตอบของอาคุตากาวะคือใบมีดสีดำที่ฟาดผ่านด้วยความรวดเร็ว
เมื่อแขนและขาทั้งสองข้างถูกยึดไว้กับที่จึงไม่สามารถหลบการโจมตีแห่งความตายได้ แต่อังเดรก็ไม่มีความตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขาทิ้งร่างไปด้านหน้าและเอียงศีรษะหลบการโจมตีของอาคุตากาวะ
ใบมีดสีดำเฉือนผ่านศีรษะด้านข้างของอังเดรทำให้เส้นผมบางส่วนถูกตัดออก อังเดรเคลื่อนตัวผ่านอาคุตากาวะ ทำให้ปืนพกรุ่นเก่าใกล้จะเลื่อนหลุดออกจากมือของเด็กหนุ่มในโค้ทดำ จนเขาจำต้องเหนี่ยวไกเพื่อยึดมันไว้ ลูกกระสุนถูกยิงออกไปโดยปริยาย
แถบผ้าสีดำที่พันธนาการอังเดรตอบสนองต่อการยิงเมื่อครู่และบล็อคลูกกระสุนก่อนที่มันจะพุ่งเข้าใส่อาคุตากาวะ ด้วยเหตุผลนั้น มือข้างซ้ายของอังเดรจึงเป็นอิสระ
อังเดรใช้ปืนพกอีกกระบอกที่ซ่อนอยู่ใต้ชุดยิงใส่สมาชิกของพอร์ทมาเฟียที่กำลังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกกระสุนฝังเข้าไปที่ไหล่อย่างแม่นยำและด้วยอาการช็อค กระสุนอีกหลายนัดจึงถูกกราดยิงออกมาอย่างสะเปะสะปะจากไรเฟิลของพอร์ทมาเฟีย
สมาชิกของพอร์ทมาเฟียยิงปืนสามนัด นัดหนึ่งทะลุแขนของอาคุตากาวะโดยตรง ในขณะที่อีกสองนัดฝังเข้าไปที่อกของฝ่ายเดียวกัน พวกเขาตายในทันที
“อะไร—!?”
อาคุตากาวะเปลี่ยนพลังของตนมาตั้งรับอย่างเต็มรูปแบบเพราะกระสุนที่ถูกยิงทะลุผ่านแขน ในจังหวะเดียวกันอังเดรก็เปิดฉากยิงตอบโต้ อาคุตากาวะใช้พลังสร้างเกราะป้องกันขึ้นกลางอากาศแต่เพราะอย่างนั้นแถบผ้าสีดำที่พันธนาการอังเดรอยู่จึงสลายไปทำให้เขาเป็นอิสระ
อังเดรหยิบปืนพกที่ร่วงอยู่บนพื้นและนั่นทำให้เกมพลิกทันที
พลังที่ไม่สามารถจินตนาการได้ถูกใช้งานโดยมีผู้ร่วมเหตุการณ์เป็นประจักษ์พยานจำนวนมาก ลูกกระสุนไม่ได้เปลี่ยนทิศทาง ไม่มีแม้แต่ประกายไฟหรือการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากระยะห่างที่ใกล้มากก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากการเปิดศึกยิงกันต่อจากเหตุการณ์ก่อนหน้า แต่ครั้งนี้ผลลัพธ์ที่ได้กลับต่างออกไป
อังเดรเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและหมุนตัวไปรอบๆโดยใช้ปืนในมือทั้งสองข้างยิงไปยังจุดตายของเหล่าสมาชิกพอร์ทมาเฟียอย่างแม่นยำ มีเพียงอาคุตากาวะที่หลบพ้นการโจมตีนี้ได้สำเร็จ การหลบเมื่อครู่แทบจะเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นการป้องกัน เหมือนกับว่า เขาโดนบังคับให้ป้องกัน
“เกิดอะไรขึ้น? นี่คือ— พลังพิเศษ?”
ประกายไฟจากปากกระบอกปืนสว่างวาบขึ้นโดยรอบ อังเดรหลบเลี่ยงการโจมตีกลับของไรเฟิลและคมดาบของอาคุตากาวะด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยราวกับกำลังหลบแมลง
กระสุนนัดหนึ่งพุ่งฝ่าเกราะป้องกันของอาคุตากาวะและฝังเข้าที่ท้อง ทำให้เขาถูกแรงปะทะไปด้านหลังเพราะการโจมตีเมื่อครู่
อาคุตากาวะไอออกมาเป็นเลือดขณะที่กำลังถอนกำลัง โค้ทสีดำพันรอบแผลที่แขนและท้องของเขาแทนผ้าพันแผลเพื่อหยุดการไหลของเลือด ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาไม่มีผ้ามากพอที่จะทำการโจมตีกลับและป้องกันตัวเอง สถานการณ์ทั้งหมดสำหรับเขาเริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นไปได้ยังไง— มีพลังที่อันตรายกว่าผมอยู่จริงๆสินะ”
“ไม่ต้องอิจฉาหรอก ผู้ใช้พลังพิเศษแห่งพอร์ทมาเฟีย ฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนพูดแบบนั้น” อังเดรยกปืนคู่ทั้งสองขึ้น  “ถ้านายมีพลัง มีประสบการณ์มากกว่านี้มันอาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ แต่ตอนนี้นายก็เป็นได้แค่ลูกเป็ดอ่อนแอ”
“คุณกำลังดูถูกผมหรอ—” อาคุตากาวะขนลุกไปทั้งร่าง โค้ทสีดำเปลี่ยนเป็นใบมีดและโจมตีอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว
แต่การโจมตีเมื่อครู่กลับไม่ได้ถูกปล่อยออกไป โค้ทของเขาถูกยิงทิ้งก่อนที่จะได้ขยับ อังเดรยิงสวนกลับทันทีที่เขาอ่านการเคลื่อนไหวของอาคุตากาวะได้
“คุณ… อ่านการเคลื่อนไหวของผมได้”
“พวกเราคือมิมิค พวกเราคือภูตผี กองทัพเดนตายที่ถูกสวรรค์หมางเมิน ก่อนที่จะถูกศัตรูที่แท้จริงชำระล้างวิญญาณ พวกเราจะย่ำอยู่ในวงเวียนของเลือดอันสกปรกนี้ต่อไป”
ในพริบตานั้น อาคุตากาวะถูกพลังอันยิ่งใหญ่ของอังเดรครอบงำจนหมดสิ้น เขาตระหนักได้ว่าคำพูดของอังเดรไม่ใช่เพียงคำล้อเล่นแต่หากเป็นความจริงทั้งหมด
“ตอบผม ผู้นำแห่งมิมิค” แม้จะมีแรงกดดันจากปากกระบอกปืนตรงหน้า อาคุตากาวะยังคงสงบนิ่ง “จุดประสงค์ในการโจมตีพอร์ทมาเฟียคืออะไร”
“ก็ไม่ค่อยมีหรอก” อังเดรตอบ “ภูติผีไม่มีความคาดหวัง พวกเราเพียงแค่ปรารถนาที่จะทำลายภูติผีที่อยู่ในตัวของเราออกไปเท่านั้น ก่อนหน้านี้พวกเราไปค้นหาสิ่งเดียวกันนี้จากองค์กร’คำบัญชาการของหอนาฬิกา’ และตอนนี้พวกเรามาที่นาย… มีอะไรจะพูดอีกรึเปล่า ผู้ใช้พลังพิเศษในโค้ทสีดำ”
“ฆ่าผม” อาคุตากาวะหลับตาลงพร้อมยกยิ้มเล็กน้อย “ความรู้สึกของคุณ.. ผมเข้าใจเป็นอย่างดี ขอโทษด้วยที่ผมไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ที่คุณตามหาได้”
“ลาก่อน”
อังเดรขยับนิ้วเพื่อเหนี่ยวไก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น