วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

[BSD Trans] Dazai Osamu and the dark era: Chapter 4 [5/8 แปลไทย]

คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 2: Dazai Osamu and The dark era: Chapter 4
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Chiyuu_ki
← Previous: Chapter 4 Part 4


ดาไซกำลังเดิน
เขาจ้ำอ้าวอย่างไร้ซึ่งความลังเล ฝีเท้าของเขาแทบจะทำให้พรมขาดออกเป็นสองส่วน
สถานที่ที่ดาไซกำลังมุ่งหน้าไปคือศูนย์บัญชาการใหญ่ของพอร์ตมาเฟียซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง เขาเดินเข้าลิฟท์แก้วและกดปุ่มชั้นบนสุดของอาคารก่อนจะหลับตาลง
เมื่อลิฟท์ขึ้นมาถึงชั้นบนสุด ดาไซลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขามุ่งตรงไปยังประตูออฟฟิศบานใหญ่ที่อยู่อีกฟากของโถงทางเดิน
ดาไซก้มหน้าลงเล็กน้อยและเดินไปด้านหน้า
ชายร่างสูงในชุดสีดำเข้ามาขวางทางเขาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ทั้งสองคนถือปืนอยู่ในมือ
“ลดอาวุธซะ”
ดาไซไม่แม้แต่จะมองหน้าพวกเขา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนที่สูงเกือบสองเท่าของดาไซยืนแข็งอยู่กับที่ราวกับถูกครอบงำด้วยตัวตนของเขา
ดาไซเปิดประตูออฟฟิศโดยที่ไม่รอให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ตอบโต้ เขาเดินเข้าไปด้านในอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ
บุคคลที่นั่งอยู่อีกฝั่งของห้องทำงานคือหัวหน้าของพอร์ตมาเฟีย— โมริ โอไก
“ไอยะ ดาไซ หายากจริงๆที่นายจะมาหาฉันด้วยตัวเองแบบนี้ ให้ฉันเตรียมชาซักหน่อย ฉันเพิ่งได้ใบชาชั้นดีมาจากตอนเหนือของยุโรป ถ้าได้กินคู่กับเค้กต้องอร่อยมากแน่ๆ
“บอส” ดาไซขัดจังหวะเขา “รู้รึเปล่าว่าผมมาที่นี่ทำไม”
โมริไม่ได้ตอบคำถามนั้น เพียงแค่ยกยิ้มเล็กน้อยขณะมองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้า
ผ่านไปซักพักเขาจึงเอ่ยตอบ
“แน่นอนดาไซ มีเรื่องด่วนงั้นสินะ”
“ใช่ครับ”
“ฉันสัญญาไว้แล้วว่าไม่ว่าเรื่องนั้นคืออะไร ฉันจะอนุมัติ” หลังจากเอ่ยจบ เขายกยิ้มเล็กน้อย “ถ้าหากมันเป็นอย่างที่ดาไซผู้แสนอัจฉริยะคิดก็คงไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะตอนไหน นายก็เป็นกำลังที่สำคัญให้กับฉันและพอร์ตมาเฟีย ฉันหวังว่าคราวนี้ก็คงไม่ต่างกัน”
ถึงแม้ว่าเพิ่งจะถูกประชดให้อับอาย ดาไซก็ยังคงนิ่ง ถึงแม้จะเป็นดาไซ การพูดคุยกับโมริก็ไม่ต่างจากการเดินบนใบมีดอันคมกริบ การก้าวพลาดเพียงนิดเดียวอาจหมายถึงแขนหรือขาซักข้างที่ต้องเสียไป
ดาไซหยุดคิดไปซักพักก่อนเอ่ยต่อ
“ถ้าอย่างนั้นคุณจะอนุญาตให้ผู้บริหารที่มีพลังพิเศษทั้งหมดบุกโจมตีฐานของมิมิคเพื่อช่วยโอดะซาคุรึเปล่า”
“นั่นเป็นการเริ่มต้นที่ดี” โมริพยักหน้า “บางครั้งการเริ่มต้นด้วยการพูดความจริงจะทำให้ได้เปรียบในการเจรจา ฉันอนุญาต แต่ฉันขอถามเหตุผลหน่อยได้ไหม”
ดาไซไม่ได้ละสายตาไปจากโมริ ภายในแววตาของชายวัยกลางคนตรงหน้ามีความเฉลียวฉลาดที่สามารถมองทะลุได้ถึงจิตวิญญาณของศัตรู มันเป็นแววตาเดียวกันกับสายตาของดาไซเมื่อเขาใช้มองเหล่าศัตรูและเพื่อนร่วมงาน
“ตอนนี้โอดะซาคุอยู่ที่ฐานของพวกมันและสอดแนมอยู่คนเดียว” ดาไซเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ในกรณีฉุกเฉิน ผมได้ส่งกำลังเสริมจำนวนหนึ่งไปช่วยเขาแต่มันก็ยังไม่พอ ถ้าหากเรื่องมันเลยเถิดไปมากกว่านี้ ผู้ใช้พลังพิเศษที่มีค่าอย่างโอดะซาคุจะต้องตาย”
“แต่เขาเป็นเพียงสมาชิกปลายแถว” โมริเอียงศรีษะ “ใช่ เขาเป็นเพื่อนคนสำคัญ แต่มันจำเป็นต้องให้ผู้บริหารออกไปเป็นกองหน้าในสนามรบเชียวหรอ”
“จำเป็นครับ” ดาไซขัดจังหวะ “แน่นอนว่าจำเป็น”
โมรินิ่งเงียบ
เขามองไปที่ดาไซ และดาไซมองเขาตอบ
นี่เป็นความเงียบที่เต็มไปด้วยวาทศิลป์ ต่างฝ่ายต่างเข้าใจจิตใจของกันและกัน รวมถึงเหตุผลที่จะยกขึ้นมาค้านเป็นอย่างดี
“ดาไซ” คนที่ชนะในสงครามจิตวิทยาครั้งนี้และเอ่ยปากพูดก่อนคือโมริ “ฉันอยากถามบางเรื่อง ฉันเข้าใจแผนการของนาย แต่ฉันคิดว่าโอดะไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากใคร นายคิดว่ายังไงล่ะ”
ดาไซต้องการตอบคำถามนั้น แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา
โมริหยิบซองจดหมายจากรัฐมนตรีออกมา เขามองมันพร้อมเอ่ยขึ้น
“ดาไซ ในฐานะผู้นำสูงสุดขององค์กรแล้ว ฉันยังเป็นทาสรับใช้ของสมาชิกทั้งหมด ฉันจะทุ่มสุดตัวและใช้วิธีสกปรกเพื่อการคงอยู่ของพอร์ตมาเฟีย เมื่อลองคิดถึงความแข็งแกร่งของศัตรูแล้ว การให้สมาชิกของเราปลดปล่อยศักยภาพสูงสุดออกมาเพื่อความอยู่รอดขององค์กร ไม่ว่ามันจะดูโหดร้ายซักแค่ไหน ฉันก็จะเต็มใจทำมัน เข้าใจสิ่งที่ฉันจะสื่อรึเปล่า”
โมริวางจดหมายในมือลงบนโต๊ะ มันคือซองจดหมายสีดำขนาดใหญ่ที่ขลิบด้วยลวดลายสีทองโดยรอบ บางสิ่งที่บางเฉียบถูกบรรจุอยู่ด้านใน
ดาไซมองจดหมายฉบับนั้นอย่างไม่แยแส
ก่อนที่เขาจะหยุดหายใจ
“จดหมายนั่น—”
บางสิ่งในความคิดของดาไซเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว รุนแรงจนกลายเป็นความรู้สึกที่สามารถจับต้องได้ สิ่งๆนั้นสั่นสะเทือนและทำให้กะโหลกของดาไซชาไปหมด
“มันเป็นแบบนี้นี่เอง” ดาไซพยายามเค้นเสียงออกมา ใบหน้าของเขาซีดขาว “เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้เองงั้นสินะ”
ดาไซหันหลังให้โมริ
“ผมขอตัว”
“นายจะไปไหน” โมริเอ่ยถามไล่หลังดาไซที่เดินออกไป
“ไปหาโอดะซาคุ”
ดาไซไม่ได้หันหลังกลับ เขามุ่งตรงไปยังประตูทางออกของห้องทำงาน
ในจังหวะที่เขาเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู เสียงของเครื่องจักรบางอย่างดังขึ้นจากด้านหลัง เสียงของชิ้นส่วนโลหะเล็กๆที่กำลังเชื่อมประสานกัน
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ดาไซชะงักมือและหลับตาลงเมื่อรับรู้ความผิดพลาดของตัวเอง
เขาถอนหายใจอย่างแผ่วเบาและหันกลับไป
สมาชิกติดอาวุธสี่คนยืนอย่างเงียบเชียบอยู่ในห้องถัดไป พวกเขาทุกคนถือปืน ปากกระบอกล้วนชี้มาที่ดาไซ
นอกจากสิ่งที่เห็น ดาไซไม่ได้มีท่าทีตกใจ เขาเพียงมองเข้าไปในห้องและมองไปยังโมริ โอไก
ชายวัยกลางคนยังคงนั่งอยู่ในท่าเดิมและส่งยิ้มมาให้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น