คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 2: Dazai Osamu and The dark era: Chapter 4
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Chiyuu_ki
← Previous: Chapter 4 Part 3
ผมมองเห็นบ้านพักหลังหนึ่งเมื่อเดินผ่านเข้ามาตามเส้นทางที่ปกคลุมไปด้วยหญ้ารกครึ้มและต้นโอ๊คใหญ่หลายต้น
สิ่งแรกที่ผมเห็นคือหลังคาสีม่วงและบานกระจกสีที่เต็มไปด้วยลวดลายทางศาสนา แสงอาทิตย์โพล้เพล้สาดลงบนบ้านพักที่ตั้งอยู่อย่างแนบเนียนท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่รายล้อม
ผมเดินไปตามทางเดินที่โรยด้วยก้อนกรวดก่อนจะพบทหารของมิมิคสองคนถือปืนอยู่ ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังรักษาความปลอดภัย
“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
ผมเอ่ยปากถามพวกเขาขณะที่ผมเดินเข้าไป น่าตกใจที่พวกเขาชี้ปากกระบอกปืนมาหาผมโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
แต่ผมก็ชักปืนออกจากซองเรียบร้อยแล้ว กระสุนสองนัดจากปืนคู่ในมือของผมถูกยิงเข้าใส่กลางหน้าผากของทหารทั้งสองคนพร้อมกัน
ลูกกระสุนพุ่งเจาะหน้าผาก ผ่านกะโหลกและทะลุออกทางด้านหลังของศรีษะ ทั้งเลือดและชิ้นส่วนของสมองกระจายเปรอะอยู่บนต้นไม้ พวกเขาตายโดยที่ยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงของร่างไร้วิญญาณร่วงลงบนพื้นดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของผืนป่า
ผมขึ้นไกปืนและเดินต่อโดยไม่หันกลับมามองศพทั้งสอง
เมื่อเข้ามาจนถึงประตูด้านหน้าผมก็เดินไปตามระเบียงทางเดินด้านนอกบ้านพัก
ผมมองขึ้นไปยังห้องใต้หลังคาบนชั้นสาม สไนเปอร์สองคนกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่ที่อีกฟากของหน้าต่าง เพราะผมได้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่จะจะตกเป็นเป้าสายตา ดังนั้นถึงตอนนี้ผมจะยืนอยู่ใต้เท้าพวกเขา พวกเขาก็จะไม่มีวันสังเกตเห็น
ผมดีดนิ้วเพื่อดึงความสนใจจากสไนเปอร์ เขาตกใจเมื่อเห็นเงาของผมและกว่าที่เขาจะยกปืนของตัวเองขึ้น กระสุนจากปากกระบอกปืนของผมก็พุ่งทะลุผ่านศรีษะของเขาไปแล้ว ร่างไร้วิญญาณหงายไปด้านหลังก่อนจะร่วงลงบนพื้นด้วยเสียงอันดัง
ทหารที่อยู่ด้านในน่าจะรู้สึกถึงความผิดปกติเมื่อได้ยินเสียงร่างของทหารรักษาการณ์ที่ร่วงตกลงไป
ผมเดินเข้าไปยังโถงด้านหน้าก่อนจะหยุดลง ผมหยิบบุหรี่ขึ้นมาและจุดสูบ อัดไอควันสกปรกเข้าปอด
ผมก้มมองมือของตัวเอง มือที่เพิ่งคร่าชีวิตไปสามชีวิต ไม่ว่าผมจะพิจารณามันยังไง มือทั้งสองข้างก็ยังคงเป็นมือของผมและดูไม่แตกต่างอะไรจากก่อนหน้านี้ที่ผมพยายามจะหลีกเลี่ยงการคร่าชีวิตคน
ความต้องการฆ่าไม่ได้อยู่ที่นิ้วมือ ไกปืนหรือแม้แต่ลูกกระสุน ที่ที่เดียวที่มีสิ่งนั้นอยู่คือภายในจิตวิญญาณของเราเท่านั้น
ภายในบ้านพักเริ่มโกลาหลขึ้น เสียงกรีดร้องด้วยความเกรี้ยวกราด เสียงฝีเท้าและเสียงกระสุนที่ถูกบรรจุลงรังเพลิงดังขึ้นมาให้ได้ยิน
ผมขยับไปยืนอยู่ข้างกำแพงตรงข้ามประตูบานใหญ่ แผ่นหลังพิงกับกำแพงด้านข้างเสาหินแกะสลักขนาดใหญ่ก่อนที่ผมจะยื่นมือไปเคาะประตูบานประตูไม้เบื้องหน้า
ในเวลาเดียวกัน เสียงปืนก็ดังกึกก้องขึ้น ประตูบานใหญ่ถูกบดขยี้เป็นชิ้นเล็กๆด้วยกระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนจนประตูบานเมื่อครู่ถูกอัดจนกลายเป็นเศษไม้และปลิวว่อนไปทั่ว
ผมยกปืนขึ้นและมองไปรอบตัว ห้าวินาที สิบวินาที
หลังจากสิบสองวินาที ผมใช้จังหวะที่เหล่าทหารบรรจุกระสุนลงในแม็กดึงสลักระเบิดโยนระเบิดมือเข้าไปด้านใน
ขณะที่ระเบิดทำงาน ผมทิ้งบุหรี่ที่ผมคาบเอาไว้ลงบนพื้น ผมยกปืนทั้งสองกระบอกในมือขึ้นและกระโดดเข้าไป
ผมพุ่งไปด้านหน้าและกระโจนลงบนพื้นพร้อมยิงปืนสองนัดตัดผ่านควันไฟ ประกายแสงจากปากกระบอกปืนสว่างวาบขึ้นภายในห้อง ผมกลิ้งไปด้านหน้า เคลื่อนที่ไปตามแนวขนานและกระโจนไปที่มุมห้องพร้อมยิงปืนอีกสองนัด กระสุนทั้งสองเจาะผ่านผนัง ควันไฟและหยดเลือดสาดกระจายขึ้นในอากาศ
กระสุนปืนจากศัตรูยิงมาถูกพื้นบริเวณที่ผมยืนอยู่ เมื่อรู้ตำแหน่งของศัตรู ผมวิ่งอย่างรวดเร็วไปยังอีกฝั่งของกำแพงและยิงตอบโต้ไปสองนัด ปลอกกระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงบนพื้นราวกับเสียงดนตรีในสนามรบ
ผมยกปืนขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ยิงปืนสองนัดใส่ศัตรูที่ยืนอยู่กลางห้อง
ทุกอย่างเหลือเพียงความเงียบ
ผมเพิ่งรับมือกับทหารทั้งหมดที่อยู่ในนี้ตอนที่ผมบุกเข้ามา
ผมเดินสำรวจไปรอบห้อง ทางเข้าของบ้านพักคือโถงที่มีหลังคาสูงโปร่ง แสงจากกระจกสีส่องสว่างภายในห้องที่เต็มไปด้วยเศษฝุ่นและไอควันที่ยังคงตลบอบอวล ร่างไร้วิญญาณของทหารมิมิคหกนายนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น
ยังเหลือกำลังเสริมอีกมากตามจำนวนของศัตรูที่ดาไซบอกผม
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของทหารจำนวนมากดังขึ้นจากอีกด้านของบันได พลังพิเศษที่ผมมีสามารถมองเห็นอนาคตได้เพียงห้าวินาทีเท่านั้น ผมจึงไม่รู้ว่ามีกับดักหรือศัตรูประเภทไหนกำลังรออยู่
ผมค่อยๆเปลี่ยนกระสุนแม็กใหม่และเดินขึ้นบันได
ทางเดินแคบๆปรากฎอยู่เบื้องหน้า ถ้าหากศัตรูปรากฎตัวจากด้านหลังผมสามารถใช้สิ่งกีดขวางเป็นที่กำบังและยิงโต้กลับได้ กลยุทธิ์แบบนั้นไม่เลวเลยทีเดียว
ผมมองเห็นทหารสี่คนกำลังมุ่งหน้ามาตามระเบียงทางเดิน พวกเขาถือปืนแมชชีนที่เหมาะสมกับรูปแบบของการต่อสู้
ผมมุ่งไปด้านหน้าและออกวิ่งอย่างรวดเร็ว
ผมยิงปืนไปที่พวกเขาในขณะที่พุ่งไปยังด้านหน้า กระสุนพุ่งเข้าเจาะหน้าผากของทหารคนแรกก่อนที่ผมจะใช้ร่างนั่นเป็นโล่กำบังและยิงหทารอีกสองคนที่เหลือ
ทหารคนที่สองถูกกระสุนพุ่งทะลุลำคอและจบชีวิตลง นิ้วมือของเขาชักเกร็งทำให้ลูกกระสุนจำนวนมากถูกกราดยิงออกมาเป็นทางยาวเข้าที่เพดาน
ผมเตะร่างไร้วิญญาณนั่นให้พ้นทางและพุ่งเข้าใส่ทหารที่อยู่ด้านหลัง ผมทิ้งระยะห่างออกมาเล็กน้อยและเสยหมัดเข้าใส่กรามของเขาก่อนที่จะใช้ปืนเล็งยิงไปที่ศรีษะ เลือดสีเข้มสาดกระจายบนผนัง
ผมกระโดดหลบไปอีกด้านเพื่อหลบกระสุนที่ถูกยิงออกมาจากปืนของทหารคนสุดท้ายและถีบตัวกับกำแพงเพื่อหลบวิถีกระสุนที่พุ่งเข้ามา ผมยิงกระสุนที่เหลือใส่ศัตรูคนสุดท้ายในขณะที่กำลังกระโดดขึ้นเหนือร่างของเขา
ผมกระโดดลงบนพื้นที่อีกฝั่งของระเบียงทางเดิน ระยะเวลาระหว่างที่กระสุนนัดแรกและนัดสุดท้ายถูกยิงออกไปเพิ่งผ่านไปเพียงชั่วครู่ เมื่อผ่านไปซักพักผมได้ยินเสียงร่างของทหารล้มลงบนพื้น
และด้วยเสียงนั้นทำให้ผมมั่นใจว่าไม่มีใครรอดชีวิต ก่อนที่ผมจะมุ่งหน้าต่อ
ที่ปลายสุดของโถงทางเดินคือห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่หันหน้าเข้าหาสวน
ภายในห้องที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์การตกแต่งจากยุคกลางมีเครื่องทำความร้อน เก้าอี้กำมะหยี่สีเลือดหมูและชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่
ผมเคยได้ยินมาว่าบ้านพักแห่งนี้เคยเป็นสมบัติของขุนนางชาวต่างชาติ
จากการสืบสวน ทรัพย์สินของเจ้าของบ้านพักสุดหรูแห่งนี้ถูกยึดและตกเป็นสมบัติของแผ่นดินในระหว่างยุคสงคราม และหลังจากนั้นสิทธิครอบครองสถานที่แห่งนี้ก็คลุมเครือมาโดยตลอด
ผมหยุดฝีเท้า ผมรู้อยู่ก่อนแล้วว่ามีระเบิดทางไกลถูกติดตั้งอยู่เหนือบานประตูที่อยู่หน้าผม
ถ้าหากผมยังเดินหน้าต่อ ผมคงถูกแรงระเบิด ทางเดียวที่เป็นไปได้คือการใช้กระสุนทำลายกำแพงเพื่อผ่านเข้าไปด้านในดังนั้นผมจึงยกปืนชึ้น
และในจังหวะนั้น ผมจึงรู้ตัวว่าผมตัดสินใจพลาด
มีระเบิดควบคุมทางไกลอีกลูกถูกติดตั้งอยู่ด้านหลัง ก่อนที่ผมจะสังเกตเห็นระเบิดที่อยู่ด้านหน้า ใครบางคนที่คอยควบคุมสัญญาณก็ตัดสินใจที่จะจุดระเบิดที่อยู่หลังผม
พลังพิเศษของผมคือการพยากรณ์อนาคต แต่ผลลัพธ์ของการเปลี่ยนอนาคตนั้นจะสามารถถูกมองเห็นล่วงหน้าได้อีกครั้งหลังการกระทำนั้นถูกทำออกไปแล้วเท่านั้น ดังนั้นการที่ผมมองเห็นอนาคตของ ‘การยกปืนขึ้นเพื่อเล็งไปยังระเบิดที่อยู่ด้านหน้า’ เมื่อกับดักอันที่สองทำงานขึ้นหลังจากผมใช้พลังครั้งแรกไปแล้ว ผมจึงสามารถมองเห็นผลลัพธ์ของการกระทำครั้งต่อไปล่วงหน้าได้เพียงหนึ่งวินาทีเท่านั้น
เช่นเดียวกับสถานการณ์ที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
ผมจำต้องกระโดดไปด้านหน้าในจังหวะเดียวกับที่ระเบิดข้างหลังทำงานขึ้น สะเก็ดระเบิดและเปลวไฟฉีกเสื้อด้านหลังของผมออก ผมถูกแรงระเบิดอัดและพุ่งไปด้านหน้า ผมกลิ้งไปบนพื้นและนอนลงก่อนจะจัดการกับหลังของตัวเองทันที
ระเบิดที่อยู่ด้านหน้าผมทำงานขึ้น แรงระเบิดปะทะกับร่างของผม
นี่เป็นการโจมตีอย่างไม่คาดฝันที่ถูกจัดขึ้นเพื่อต่อกรกับพลังพิเศษของผม ศัตรูรู้จักลักษณะเฉพาะและจุดอ่อนของพลังของผมเป็นอย่างดี
ผมเห็นภาพนิมิตร
ภาพของทหารที่โรยตัวลงมาจากหน้าต่างบานใหญ่และเข้ามาบุกโจมตี ผมยังคงนอนแผ่อยู่บนพื้นและไม่อยู่ในตำแหน่งที่สามารถทำการโจมตีโต้กลับได้
ยังเหลือเวลาอยู่ประมาณสี่วินาทีก่อนการโจมตีจะเกิดขึ้น
เมื่อนึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา ผมจึงลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบากและเอื้อมมือไปคว้าปืน
ความเจ็บปวดพุ่งขึ้นมาจากช่องท้องด้านขวาของผม สะเก็ดระเบิดจากแรงระเบิดก่อนหน้าปะทะเข้ากับผิวเนื้อข้างสะโพกที่ไม่มีเกราะป้องกัน เลือดไหลเปรอะเต็มไปหมด
ผมเห็นเชือกที่ห้อยลงมาและเท้าของทหารหลายนายที่กำลังโรยตัวอยู่
ผมส่งเสียงครางและหยิบปืนขึ้น
กระจกหน้าต่างแตกกระจาย ผมนับทหารได้แปดคนในขณะที่พวกเขากำลังกระโดดเข้ามา
ไม่มีเวลาเหลือพอที่จะให้ผมหาที่ซ่อนตัว
เศษกระจกที่แตกละเอียดกระเด็นไปในอากาศ ผมมองเห็นแสงสะท้อนระยิบระยับจากพวกมัน
ผมยิงกระสุนออกจากปืนในมือทั้งสองข้าง กระสุนพุ่งผ่านลำคอและศรีษะของทหารสองคนที่อยู่ด้านหน้า ทหารที่เหลือกระโจนลงยืนบนพื้น
เสื้อโค้ทตัวยาวของผมสะบัดปลิวทุกครั้งที่ผมขยับตัว ผมยิงกระสุนอีกสองนัดเพื่อจัดการกับทหารอีกสองคนที่อยู่ใกล้
ทหารที่เหลือหันปากกระบอกปืนมาที่ผม เศษกระจกจากหน้าต่างที่แตกละเอียดร่วงลงบนพื้นก่อให้เกิดแสงสะท้อนจำนวนนับไม่ถ้วนกระดอนไปมาบนพื้น
แสงไฟจากปากกระบอกปืนสว่างขึ้น
นี่คือการต่อสู้โดยปืนที่มีระยะใกล้พอที่จะกลายเป็นการต่อสู้ระยะประชิด ประกายไฟสว่างวาบขึ้นภายในห้อง ย้อมทุกอย่างจนกลายเป็นสีขาวโพลน
ผมสามารถมองเห็นยมทูตบินโฉบผ่านไป
ผมทิ้งตัวลงบนพื้นเพื่อหลบวิถีกระสุนที่ถูกยิงออกมาในระยะประชิด
ผมไขว้มือทั้งสองข้างและยิงกระสุนออกไปจากกระบอกปืนทั้งซ้ายและขวา ผมพลิกตัวขึ้นและยิงกระสุนอีกสองนัดไปยังศัตรูที่อยู่ด้านข้าง
หน้าอกของผมถูกแรงปะทะจากกระสุนทำให้ร่างของผมงอขึ้น กระสุนเมื่อครู่ติดอยู่ที่เสื้อเกราะ ความเจ็บปวดหนักหน่วงราวกับโดนทุบด้วยลูกตุ้มเหล็กทำให้ผมหยุดหายใจไปชั่วขณะ
ผมยิงพลาดไปหนึ่งนัด
ผมยันมือลงบนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยเศษกระจกและกลิ้งตัวเพื่อหลบการโจมตีก่อนเหยียดขาข้างหนึ่งเตะตัดขาของศัตรูจนเสียหลักก่อนที่เขาจะยิงปืนที่อยู่ในมือ
ทหารที่ล้มลงเอื้อมมือคว้าปกเสื้อของผมและพยายามจะดึงผมให้ล้มลงไปด้วยกัน ปฏิกริยาของเขาแตกต่างกับทหารคนอื่นๆ ผมมองเห็นตราสัญลักษณ์บางอย่างบนอกเสื้อของเขา เขาคงเป็นตัวแทนผู้บังคับบัญชาของมิมิค หัวหน้าทหารที่อังเดรไว้วางใจ
ผมพยายามจะใช้ปืนในมือขวาเล็งไปที่ลำคอของเขา แต่เขากลับใช้ด้านหน้าของปืนแมชชีนกระแทกใส่ปืนของผมจนหลุดมือก่อนที่ผมจะล้มลงบนพื้นไปพร้อมกับเขา
ผมพยายามใช้อุ้งมือเสยกรามของเขาเพื่อสร้างความเจ็บปวดแต่เขากลับหลบทัน แขนเสื้อข้างขวาของผมถูกคว้าและดึงไปด้านหลัง ข้อศอกและข้อมือถูกจับบิด ศัตรูพยายามเล็งที่ข้อต่อของผม เสียงของอะไรบางอย่างลั่นดังออกมาจากไหล่
ถ้าหากเขาใช้แรงมากกว่านี้ ไหล่ของผมคงได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง
ผมใช้มือที่ยังว่างหยิบปืนขึ้นและยิงกระสุนลงบนพื้น เสียงของปลอกกระสุนอันว่างเปล่าดังขึ้นราวกับเสียงกระดิ่ง
ชายที่กำลังบิดแขนของผมอยู่ปล่อยมือออกและล้มลงบนพื้น ลูกกระสุนพุ่งเข้าใส่ลำคอของเขา กระสุนที่ผมยิงลงบนพื้นสะท้อนกลับและพุ่งเข้าใส่เขาอย่างจัง
ผมฝืนความเจ็บปวดที่หน้าอกและตรวจสอบเกราะกันกระสุนของตัวเอง เกราะป้องกันกระสุนได้สามนัด ผมถอดมันออกและโยนมันลงพื้น ผมไม่แน่ใจว่าซี่โครงของผมหักรึเปล่า
“อา——”
ผมหันไปมองด้านหลัง นายทหารมียศคนนั้นยังคงมีสติอยู่ แต่บาดแผลที่เขาได้รับนั้นอันตรายถึงชีวิต เขาคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่เกินสิบนาที
“อยากให้ฉันจบชีวิตนายเลยรึเปล่า”
นายทหารคนนั้นแทบไม่มีเสียงที่จะเอ่ยตอบเพราะเลือดจำนวนมากที่ไหลออกมาจากลำคอ
“มีอะไรจะสั่งเสียไหม”
“ขอบคุณ.. สำหรับความปรารถนาที่จะต่อสู้”
เขาหลับตาลง บาดแผลจากกระสุนน่าจะสร้างความเจ็บปวดอย่างมากแต่เขากลับยิ้มออกมา
“หัวหน้าอยู่ข้างหน้า.. ได้โปรดช่วยเขา.. ปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ..”
ผมเหนี่ยวไก
กะโหลกของเขาแตก เลือดและสมองกระเด็นเปรอะลงบนพื้น นายทหารกระตุกเกร็งก่อนจะแน่นิ่งไป
ผมบรรจุแม็กกาซีนล็อตใหม่และมุ่งหน้าต่อ
“อา— ฉันรู้”
Next → Chapter 4 Part 5
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น