คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 2: Dazai Osamu and The dark era: Chapter 2
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Chiyuu_ki
← Previous: Chapter 2 part 4
ดาไซเดินลงบันไดที่ทอดยาวลงไปสู่ชั้นใต้ดินอันมืดมิด
ภายในชั้นใต้ดิน หมอกสีขาวไหลซึมออกมาจากรอยแตกบนกำแพง ทำให้ด้านในห้องเต็มไปด้วยไอน้ำ ส่วนกำแพงสีดำกลับให้ความรู้สึกอบอุ่น อาจจะเพราะมันดูดซับเสียงกรีดร้องและความสิ้นหวังเอาไว้ มีแสงเรืองรองสีดำแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
ที่นี่คือคุกใต้ดินของมาเฟีย มีผู้คนมากมายลงมาที่นี่แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตกลับไป
พวกเขาถูกพามาที่นี่ด้วยเหตุผลหลายอย่าง สำหรับบางคน เหตุผลที่ได้ลงมานั้นเพราะที่นี่มีเครื่องมือสอบปากคำถูกติดตั้งเอาไว้ สำหรับบางคน สถานที่แห่งนี้ทำให้ความหวังในการช่วยเหลือพวกพ้องกลายเป็นศูนย์และสำหรับบางคน การทำความสะอาดและชำระล้างรอยเลือดเป็นสิ่งที่น่าเพลิดเพลินกว่าการทำงานด้านบน
ดาไซเดินผ่านชั้นใต้ดินและมุ่งหน้าไปยังห้องคุมขังพิเศษที่อยู่ลึกลงไป
ห้องขังแบบพิเศษนั้นเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มีความกว้างสิบปิง มีเพียงประตูเหล็กที่ทำหน้าที่เป็นทางเข้าและทางออก ภายในห้องไร้ซึ่งหน้าต่างและปราศจากแสงแดด กุญแจมือและโซ่ตรวนที่ห้อยลงมาจากกำแพงทำให้นึกถึงบรรยากาศของคุกสมัยยุคกลาง
ศพสามศพนอนอยู่บนพื้น พวกเขาเพิ่งตายได้ไม่นานระบุได้จากแอ่งเลือดที่เริ่มนองรวมกัน ในตอนที่หัวหน้าของพวกเขาได้ตายไป พวกเขาได้พยายามอย่างไม่หยุดหย่อนเพื่อจะหลบหนีออกจากห้องขังที่แสนหดหู่แห่งนี้ แต่มันก็เปล่าประโยชน์
ศพบนพื้นเป็นทหารของมิมิค
พวกเขาถูกส่งมาที่นี่หลังจากถูกรมควันยาสลบเพื่อนำมาสอบสวนโดยพอร์ทมาเฟีย
“ฉันต้องการคำอธิบาย” ดาไซพูด
มีมาเฟียสี่คนอยู่ในห้อง สามในนั้นคือลูกน้องที่ไปตามล่าสไนเปอร์ในตรอกพร้อมกับดาไซ ส่วนอีกคนหนึ่งคือเด็กหนุ่มร่างเล็กในโค้ทสีดำ
“ทหารของมิมิคที่บุกโจมตีคาสิโนของพอร์ทมาเฟียถูกจับและส่งตัวมาที่นี่ครับ” ชายในชุดสูทเอ่ยรายงานพร้อมเลื่อนแว่นกันแดดของตนขึ้น “ตามเดิมพวกเราคิดว่าจะสอบสวนทหารพวกนี้ที่นี่เพื่อล้วงข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรของพวกเขา และยาพิษที่ถูกซ่อนอยู่ในฟันกรามของพวกเขาก็ถูกนำออกไปแล้วครับ”
“ฉันรู้ทุกอย่างอยู่แล้วเพราะฉันเป็นคนวางแผนการพวกนั้นทั้งหมด ฉันถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นต่างหาก”
“หนึ่งในนายทหารตื่นขึ้นมาก่อนเวลาที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้” ชายคนเดิมตอบอึกอัก “ก่อนที่พวกเราจะสวมกุญแจมือ เขาก็แย่งปืนของพวกเราและยิงเพื่อนของตัวเองเพื่อไม่ให้พวกเขาคายความลับออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็หันมาโจมตีเรา แล้วก็—”
“ผมเป็นคนจัดการเขา”
เด็กหนุ่มในโค้ทสีดำเอ่ยขึ้น
ดาไซมองไปที่เขา
ดวงตากลมโตสีดำขลับมองกลับไปยังดาไซ สายตาที่ใช้จ้องกลับนั้นแหลมคม
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”
“อย่างนั้นเองเหรอ อ่า ไม่มีปัญหาอะไรหรอก” ดาไซยังคงจ้องมองเด็กหนุ่มคนนั้น “ถ้าอย่างนั้นนายก็เป็นคนเอาชนะคนพวกนี้เองสินะ เอาชนะเหล่าทหารที่น่ากลัวและปกป้องพวกพ้องของตัวเองไว้ได้ อาคุตากาวะ เยี่ยมไปเลย!”
ดาไซเดินไปหาเด็กหนุ่มในโค้ทสีดำที่มีนามว่าอาคุตากาวะ
“ถ้านายไม่ได้มีพลังพิเศษ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่นายจะเอาชนะทหารพวกนี้ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว นายจึงมีค่าพอที่จะเป็นลูกน้องของฉัน แต่โชคดีจริงๆเลย เพราะนาย ตอนนี้ศัตรูสามคนที่พวกเราจับมาตายหมดแล้ว ทหารพวกนี้ถูกจับได้จากกับดักที่พวกเราวางเอาไว้อย่างแยบยล ความได้เปรียบของเราน้อยลงแล้ว ทั้งที่ถ้าหากว่ายังเหลือผู้รอดชีวิตอีกซักคน เราจะสามารถล้วงข้อมูลอันมีค่าออกมาจากมันได้ ทั้งฐานของศัตรู ความต้องการของพวกมัน เป้าหมายครั้งต่อไป ชื่อของหัวหน้ารวมไปถึงความสามารถพิเศษของหัวหน้าพวกมัน ให้ตายเถอะ นายทำได้ดีจริงๆ!”
“ผมไม่จำเป็นต้องรายงานคุณ เศษขยะพวกนี้ผมสามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง—”
ยังไม่ทันให้เด็กหนุ่มได้พูดจนจบ ดาไซเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ใบหน้าของอาคุตากาวะ
อาคุตากาวะลอยข้ามห้องไป ศีรษะของเขากระแทกเข้ากับพื้นคอนกรีตจนเกิดเสียงก้อง
“นายคงคิดว่าฉันอยากได้ยินคำแก้ตัว ขอโทษที่เข้าใจผิด” ดาไซถูมือเข้าหากันพร้อมพูดขึ้น
“ชิ...” อาคุตากาวะคำรามในลำคอ หลังจากถูกหมัดหนักๆของดาไซ ร่างของเขาซวนเซจนแทบลุกไม่ขึ้น
“นาย! เอาปืนมา”
ดาไซเอ่ยกับลูกน้องในชุดสูท ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ก็ยังส่งปืนของตัวเองให้ดาไซ
ดาไซนำลูกกระสุนออกจากปืนที่ได้รับ เขาบรรจุลูกกระสุนสามนัดลงไปก่อนจะปลดเซฟตี้และชี้ปากกระบอกปืนไปยังอาคุตากาวะที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น
“ในบรรดาเพื่อนๆของฉัน มีผู้ชายคนหนึ่งที่เลี้ยงเด็กกำพร้าเอาไว้” ดาไซชี้ปืนไปยังเขาพร้อมเอ่ยต่อ “อาคุตากาวะ ถ้าคนที่ช่วยนายออกมาจากสลัมเป็นโอดะซาคุ เขาคงไม่ละความสนใจจากนายและคงเฝ้าสอนนายด้วยความอดทน และนั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ฉันเป็นคนที่ถูกความถูกต้องนั่นเกลียดชัง ดังนั้นผู้ชายอย่างฉันจึงเป็นคนที่ทำสิ่งนี้กับลูกน้องที่ไร้ประโยชน์ของตัวเอง”
หลังจากที่พูดจบ ดาไซก็เหนี่ยวไกอย่างไร้ความปราณี
เสียงปืนสามนัด ประกายไฟสามครั้งและปลอกกระสุนสามปลอกร่วงลงบนพื้น
“....”
เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงมาตามหน้าผากของอาคุตากาวะ
“โอ้— ถ้านายตั้งใจจะทำนายก็ทำได้นี่ ใช่ไหม?”
ลูกกระสุนหยุดลงอย่างเฉียดฉิวก่อนที่จะถึงอาคุตากาวะ
เขาใช้พลังพิเศษเพื่อป้องกันกระสุนเหล่านั้น
ถึงแม้ว่าเขาเพิ่งจะใช้พลังเพื่อหยุดกระสุนนั้นและสานต่อลมหายใจของตัวเองเอาไว้ อาคุตากาวะก็ไม่มีท่าทีผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย
“ฉันสอนนายไปหลายรอบแล้วไม่ใช่หรอ?” ดาไซเอ่ยอย่างเบิกบานอย่างเห็นได้ชัด “แค่เชือดนักโทษที่จับมาได้น่ะไม่ใช่ทั้งหมดของพลังนาย มันควรจะเพื่อป้องกันด้วย”
ความสามารถของอาคุตากาวะ ‘ราโชมอน’ คือความสามารถในการควบคุมเสื้อโค้ทที่เขาสวมอยู่ ชุบชีวิตมันขึ้นมาและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นดาบและคมเขี้ยวเพื่อฉีกทึ้งร่างของศัตรู ดาไซเชื่อว่า ถ้าว่ากันตามทฤษฏี มันมีความเป็นไปได้ที่จะใช้คมดาบของราโชมอนในการตัดผ่านช่องว่างในอากาศเช่นกัน และใช้รอยแตกในอากาศที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันกระสุน
“จนถึงตอนนี้ วิธีที่ป้องกันว่านั่นยังไม่เคยสำเร็จ” อาคุตสกาวะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแรง การตัดผ่านช่องว่างในอากาศดูดพลังงานของเขาไปเป็นจำนวนมาก
“แต่ตอนนี้มันก็สำเร็จแล้วนี่ ยินดีด้วย”
อาคุตากาวะขมวดคิ้ว ความตึงเครียดปรากฏบนใบหน้าของเขา
“ครั้งหน้าถ้านายทำพลาด ฉันจะต่อยนายสองทีแล้วก็ยิงนายอีกห้านัด เข้าใจรึเปล่า”
น้ำเสียงของดาไซเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง อาคุตะกาวะอยากจะยอกย้อนแต่ก็ต้องเงียบลงเพราะสายตาของดาไซที่มองมา
“เอาล่ะ การอบรมลูกน้องไม่ได้เรื่องจบเพียงเท่านี้ ไปทำงานซะ ตรวจสอบศพพวกนี้ พวกนายอาจจะเจออะไรบางอย่าง”
ดาไซออกคำสั่งกับลูกน้องสามคนที่ยืนอยู่อยู่ด้านข้าง หนึ่งในนั้นเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงลังเล
“ผมขอถามได้ไหมครับ ส่วนไหนของศพที่พวกเราต้องตรวจสอบ”
“ทุกอย่าง! นายยังต้องถามอีกหรอ” ดาไซเอ่ยอย่างไม่พอใจ “หาร่องรอยของฐานทัพของพวกมัน รอยเท้าเศษขยะในกระเป๋า ซากอาหาร สิ่งที่ติดอยู่บนเสื้อผ้า ทุกอย่างคือเบาะแส ลูกน้องทุกคนของฉันคิดว่างานของมาเฟียคือการทรมานแล้วก็ฆ่าศัตรูจริงๆหรอ เรื่องแค่นี้โอดะซาคุน่าจะจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเองแล้ว”
“โอดะ ซาคุโนะสึเกะ ผมรู้จักชายคนนั้น” ลูกน้องของเขาเอ่ยอย่างระมัดระวัง “ได้โปรดให้อภัยผมที่พูดตามตรง ผมเห็นชายคนนั้นทำความสะอาดอยู่ที่หลังสำนักงานเมื่อไม่กี่วันก่อน ผมไม่อยากจะเชื่อว่าคนแบบนั้นเหมาะที่จะเป็นเพื่อนของคุณ เขาไม่แม้แต่จะสามารถแข่งขันกับศัตรูในตอนนี้ได้”
ดาไซเบิกตามองไปยังลูกน้องของเขา
“ถามจริงเถอะ นายคิดว่าโอดะซาคุไม่เหมาะที่จะเป็นเพื่อนของฉันงั้นหรอ” ดาไซแสดงความแปลกประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ..”
ลูกน้องคนอื่นๆต่างก็พยักหน้าเช่นกัน
“พวกนายมันโง่เง่า!” ดาไซมีท่าทีตกตะลึง เขายิ้มอย่างขมขื่นและเอ่ยออกมา “ฟังให้ดี เพื่อตัวของพวกนายเอง ฉันจะแนะนำอะไรบางอย่าง มันเป็นทางที่ดีที่สุดที่พวกนายจะไม่ยั่วให้โอดะซาคุโมโห ถ้าเกิดเขาโกรธขึ้นมาแล้ว คนทั้งห้าคนในห้องนี้จะถูกฆ่าก่อนที่จะทันชักปืนขึ้นมาซะอีก”
ลูกน้องของดาไซเงียบสนิท อาคุตะกาวะมองไปยังดาไซด้วยสายตาดื้อรั้น
“โอดะซาคุน่ากลัวกว่ามาเฟียทุกคนถ้าเขาโมโห อาคุตะกาวะ นายไม่มีทางชนะโอดะซาคุได้ ไม่ว่าจะกี่ร้อยปีก็ตาม”
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร...” อาคุตะกาวะพูดอย่างแผ่วเบา เขาขบฟันแน่น “เป็นไปได้ไม่ ดาไซซัง คุณเอาผมไปเปรียบเทียบกับใคร—”
ดาไซเมินเฉยต่อคำพูดของเขา
“เอาล่ะ กลับไปทำงานได้แล้ว ศัตรูคราวนี้มีแต่ปัญหา ถ้าเราไม่รีบจบเรื่องนี้ก่อนที่กรมผู้ใช้พลังพิเศษจะยื่นมือเข้ามา ทุกอย่างมันจะยุ่งยากมากกว่านี้อีก”
มือของอาคุตะกาวะยังคงวางอยู่บนพื้นในขณะที่เขามองจ้องไปที่ดาไซ
“..........”
ระหว่างที่แววตาแห่งความเกลียดชังมุ่งตรงไปที่ดาไซ แววตานั้นก็สะท้อนกลับมาที่ตัวเขาเช่นกัน
Next → Chapter 2 Part 6
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น