วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

[BSD Fanfiction] Even that is the shadow of a large light


**Spoil Alert: Bungou stray dogs Dazai Osamu and the dark era episodes, Manga Chapter 28**

Characters: Dazai Osamu, Oda Sakunosuke, Kunikida Doppo 

This fan-fiction based on this song :  【手描き文スト】それがあなたの幸せとしても



- - -


Even that is the shadow of a large light





或る未来 笑いあえてる未来

If the future when we can laugh together

ถ้าหากอนาคตที่พวกเราสามารถหัวเราะด้วยกันได้

あと数日後の未来だったのなら

is the future in few days from now

คืออนาคตในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้




พวกเด็กๆเสียชีวิตแล้ว


ไม่ใช่แค่พวกมิมิครู้ที่อยู่ของเด็กๆพวกนั้น แต่รวมไปถึงกำลังพลที่เขาส่งไปเฝ้าดูร้านอาหารตะวันตกแห่งนั้นก็ถูกจัดการไปทั้งหมด ดาไซเม้มปาก รู้สึกว่าตัวของเขาชาไปทั่วร่างเนื่องจากรู้ว่าคนที่จะได้รับผลกระทบที่สุดจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นคือใคร


เมื่อกำมือที่สั่นไว้จนแน่นก็รีบวิ่งออกไป เขาหอบหายใจ นึกถึงดวงตาสีฟ้าอมเทาของคนคนนั้นที่มักจะเปล่งประกายเจิดจ้ากว่าเดิมเสมอเมื่อพูดถึงเด็กๆกลุ่มนั้น


ดาไซเป็นคนฉลาด เขารู้ดีว่าต่อไปโอดะซาคุจะทำเช่นไร เมื่อจดหมายเชิญมาถึงที่แล้ว โอดะซาคุจะไม่ไปตามกับดักอันร้ายกาจที่ฝ่ายศัตรูวางไว้ให้แล้วได้ยังไงกัน


ดังนั้น… เขาเงยหน้า รู้สึกได้ว่าตัวเองยังคงหอบอยู่เล็กน้อย แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า โอดะซาคุนิ่งเงียบ แววตาที่จ้องไปยังพื้นตรงหน้านั้นหม่นเสียจนแทบไม่เห็นแสงสว่าง


เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งหันมา ดาไซก็เผลอกลั้นลมหายใจของตน


ดวงตาสีฟ้าอมเทาคู่นั้นที่มองมายังเขา รวดร้าวเหมือนกับเศษหินที่แตกกระจายและไม่สามารถทำให้กลับคืนมาเป็นดังเดิมได้อีก




許される事すら 許されなくなった シチュエーションならば

In a situation when even what can be forgiven
 turns unforgivable

เมื่อสิ่งที่สามารถให้อภัยได้ กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจให้อภัย

言葉だけが言葉になるわけじゃない

It isn’t only words that can turn into words

ต่อให้เรียบเรียงคำพูดมาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถสื่อไปถึงได้เลย




“...มันไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละดาไซ ทุกอย่างมันจบแล้ว”


เสียงที่ตอบกลับมานั้นต่ำกว่าที่เคย ดาไซรู้ว่าโอดะซาคุเป็นคนเสียงต่ำ แต่กับครั้งนี้มันแตกต่างไปจากเดิม ดาไซสัมผัสได้ว่าเสียงนั้นทุ้มต่ำและสั่นเล็กน้อยราวกับกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่างไว้ และเขาคิดว่าเขารู้ดี รู้ดีว่าภายใต้เสียงนั้นอีกฝ่ายกำลังอดกลั้นความรู้สึกอะไรอยู่


โลกของตัวเขาเองที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังหลุดออกมาอย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะว่านี่คือโอดะซาคุ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรั้งโอดะซาคุในตอนนี้ไว้ให้ได้


หากเมื่อดาไซได้สบดวงตาคู่นั้นแล้ว เขาก็รู้ตัวทันทีว่ามันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้


แต่ว่า…


ขาของเขาก้าวออกไปตามหลังที่เดินออกห่างไปเรื่อยๆ เสื้อคลุมสีอบอุ่นที่เขามักจะนึกเสมอว่าเหมือนกับเจ้าของมันสะบัดไปตามแรงลม และเมื่อยื่นมือออกไปเพื่อคว้ามันไว้ในมือ ดาไซก็สัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า




その数秒が運命でも その数歩が運命でも

Even if those several seconds, even if those
 several steps were fate

ถึงแม้ว่าเสี้ยววินาทีนี้หรือหนทางที่เธอก้าวเดินไปจะเป็นโชคชะตาก็ตาม

その決意を止めるのは我儘(わがまま)か

Would it be selfish to stop your resolve?

การที่ฉันจะรั้งเธอไว้นั้น มันคือความเห็นแก่ตัวอย่างนั้นเหรอ?

行かないで 行かないで 行かないで 今は

Don't go. Don't go. Don't go. Now

ในตอนนี้ อย่าไปเลยนะ อย่าไปเลยนะ อย่าไปเลย




“โอดะซาคุ!”


เสียงที่เขาตะโกนออกไปนั้นดังก้องกังวาน แต่มันกลับไม่สามารถรั้งคนที่กำลังเดินจากไปได้เลย ท้องฟ้าคำราม สายฝนตกลงมาท่ามกลางความมืดหม่น สายฟ้าแลบแปลบปลาบราวกับกำลังต้องการหยอกล้อถึงความโหดร้ายของโชคชะตา


ดาไซก้มลงมองมือที่ห่อหุ้มไปด้วยผ้าพันแผลของตนเอง คำพูดของตัวเองที่เคยพูดกับอันโกะในบาร์ดังขึ้นมาในหัว


สิ่งที่ไม่อยากสูญเสีย ฉันมักจะเสียมันไปตลอด


สิ่งที่มีค่าให้ฉันต้องการทุกๆสิ่ง ในวินาทีที่ฉันคว้ามาได้ มันก็จะหายไปเสมอ


เขากำมือที่เปียกชุ่มของตัวเอง รู้สึกเหน็บหนาวกับสายฝนที่เทลงมาจนตัวสั่นระริก แต่ก็หันกลับไปและเดินไปอีกทาง




あなたが 目指してた地点は暗くはないか

Isn’t the destination that you’re aiming for dark

ปลายทางที่เธอต้องการจะไปนั้น มันคือความมืดหม่นไม่ใช่เหรอ?

それが大きな光の ただの影だとしたら

If that is simply the shadow of a large light

ถ้าหากว่ามันเป็นเงามืดในแสงสว่างเจิดจ้าแล้วล่ะก็

あなたが 旅立つ場所へ行かせたくはないな

I don’t want to let you go to the place you head towards

ฉันก็ไม่อยากให้เธอไปยังสถานที่แห่งนั้นเลย

例えばその先で 静かに眠れても

Even if you fall into a quiet sleep at the end of that journey

ถึงแม้ว่าเธอจะนอนหลับอย่างสงบได้ในปลายทาง

それがあなたの幸せとしても

Even if that is your happiness

ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นความสุขของเธอก็ตาม




เมื่อเขาไปถึงสถานที่แห่งนั้น มันก็ถูกย้อมไปด้วยสีเลือด ศพของมิมิคและกำลังเสริมจากพอร์ทมาเฟียนอนตายเกลื่อนกลาดอยู่ในห้องโถง เสียงปืนนัดสุดท้ายดังลั่นก่อนที่เขาจะเข้าไปขวางการต่อสู้ไว้ได้ทัน ดาไซได้ยินเสียงกระซิบขึ้นที่ข้างหูตนว่ามันสายไปแล้ว


เลือดของโอดะซาคุเปรอะเต็มมือ เขาทรุดลงนั่งที่ด้านข้างร่างของเพื่อนตัวเองที่ซีดเผือดลงทุกที ละล่ำละลักว่าจะต้องช่วยไว้ให้ได้ จะต้องช่วยไว้ให้ทัน


หากมือสั่นๆนั่นกลับคว้าใบหน้าของเขาไว้ เสียงทุ้มต่ำที่เขาคุ้นเคยกับมันเหลือเกินเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาดเสียจนเขาตกใจ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่คิดว่าจะมีใครกล้าพูดถึงมัน ไม่คิดว่าจะมีใครรับรู้ถึงมันได้


อา เขาเจอแล้ว ในที่สุดเขาก็เจอคนที่เข้าใจเขาสักที


แต่.. อีกแล้ว เป็นเหมือนกับทุกครั้ง เมื่อไหร่ที่เจอกับสิ่งสำคัญจนอยากจะรักษาให้มันคงอยู่ตลอดไป สิ่งนั้นก็มักจะลื่นหลุดจากมือของเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของนอกกาย มิตรภาพ หรือชีวิตของคนคนหนึ่งก็ตาม


“โอดะซาคุ… ถ้าอย่างนั้นฉันควรจะทำยังไงดี”


“ฉันอยากให้นายอยู่ในด้านที่ช่วยคน”


โอดะซาคุกล่าว เสียงของเขาแหบแห้งลงทุกขณะ มันทำให้ดาไซเผลอกระชับบ่าของคนที่อยู่ตรงหน้าไว้แน่น เขาหวังให้มันเป็นความฝันเหลือเกิน หวังให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ฝันร้ายของใครสักคน เพื่อที่เขาจะได้ตื่นมาพบกับเสียงทุ้มต่ำคุ้นหูที่มักจะได้ยินทุกครั้งในบาร์ลูแปงและกลิ่นบุหรี่อันชวนให้คุ้นเคยจากร่างตรงหน้านี้อีก


ในวาระสุดท้าย โอดะซาคุยิ้มออกมาบางๆ เป็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความถวิลหาและความสุข ความถวิลหาถึงเด็กพวกนั้นที่เขารักสุดหัวใจและกำลังจะได้ไปพบในอีกไม่ช้านี้ ความสุขที่ได้ทำบางอย่างลุล่วงไปได้สำเร็จและไม่คิดจะเสียใจภายหลัง


มือของโอดะซาคุที่จับใบหน้าของเขาไว้ร่วงลงไปที่พื้น ดาไซเม้มปากแน่น ไม่มีน้ำตาไหลออกมา


หากมือของเขาสั่น มือคู่นั้นที่กุมบ่าอันอบอุ่นของคนตรงหน้าเอาไว้ ถึงอุณหภูมิร่างกายของโอดะซาคุจะค่อยๆลดลงไปตามเวลาที่ผ่านไป แต่ดาไซกลับยังไม่อยากปล่อยมือจากร่างนี้ ยังอยากเหนี่ยวรั้งไว้ให้ถึงที่สุดถึงแม้ว่ามันจะสายไปแล้วก็ตาม


เขาคิดว่าเขาเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดที่สุดก็คราวนี้เอง




あなたが 抱えてる今日は救えやしないか

Can’t the today that you are shouldering be saved anymore?

วันนี้ที่เธอแบกรับไว้ไม่สามารถถูกช่วยไว้ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?

それでもその肩に 優しさを乗せたなら

Even so, if you are carrying kindness on your shoulders

ถึงจะเป็นอย่างนั้น ถ้าหากว่าความอ่อนโยนได้สัมผัสไหล่คู่นั้นของเธอแล้วล่ะก็

その愛を 感じられるだろうか

Would you be able to feel love that I gave you?

เธอจะรับรู้ถึงความรักที่ฉันมีให้เธอหรือเปล่านะ?




.
.
.






“...หนังสือ ?”


อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ เห็นว่าเป็นเพราะต้องการที่จะชุบชีวิตภรรยาและลูกสาว จึงต้องการหนังสือนั้นมาให้ได้ มันเป็นหนังสือที่ไม่ว่าจะใช้พลังไหนก็ไม่อาจทำลายได้ หนังสือที่มีพลังในการชุบชีวิตคน”


“เห…” ดาไซลากเสียงยานคางขณะที่ไถลมือไปตามพื้นโต๊ะเล่น “น่าเบื่อจังเลยนะ”


คุนิคิดะขมวดคิ้ว เขารู้ดีว่าดาไซเป็นคนแปลก แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นกล่าวออกมาได้ว่าสิ่งที่เป็นเป้าหมายของกิลด์และทำให้ฟิตซ์เจอรัลด์ผู้เป็นผู้นำขององค์กรเกือบทำลายโยโกฮาม่าเพื่อให้ได้มันมานั้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจเลยแม้แต่นิดเดียว


ชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วให้ฟื้นคืนกลับมา… ในคราวที่เขาฟังคำนั้นครั้งแรกก็รู้สึกว่าส่วนหนึ่งในใจตัวเองกระตุกไปเช่นกัน


ดวงตาสีเขียววูบไหวไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะดันแว่นขึ้นเพื่อกลบเกลื่อน เอ่ยออกมาเสียงกร้าวเหมือนเช่นทุกที “หา!? แล้วถ้าแกมีพลังอย่างนั้น ก็จะไม่ใช้มันเพื่อชุบชีวิตใครเลยรึไง?”


ดาไซฟังคำนั้นแล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง สักพักก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มบางออกมา ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังผ้าพันแผลของตนราวกับกำลังถวิลหาถึงอะไรบางอย่างก่อนจะเอ่ยตอบ “ถ้าหากฉันทำ.. เขาจะต้องโกรธมากแน่ๆที่ฉันพรากเขามาจากเด็กๆพวกนั้น”


“หา..” คุนิคิดะส่งเสียงตอบอย่างไม่เข้าใจ แต่ดาไซเงียบไปแล้ว มองไปยังข้างนอกหน้าต่าง


ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นมองไปยังท้องฟ้า มองไปยังสายลม มองไปยังสถานที่ที่ไกล ไกลออกไปเสียจนไม่สามารถเอื้อมไปถึงได้


นั่นเป็นอีกครั้งหนึ่งที่คุนิคิดะคิดว่าคงจะไม่สามารถเข้าใจดาไซไปได้ตลอดกาล.




- - -






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น