วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[BSD Trans] The Untold Story of the Founding of the Detective Agency: Chapter 1 Part 1

คณะประพันธกรจรจัด
เล่มที่ 3: The Untold Story of the Founding of the Detective Agency
ผู้ประพันธ์: Asagiri Kafka
ภาพประกอบ: Harukawa35
แปลไทย : Scarlet_pan


        “คุนิคิดะซัง สำนักงานนักสืบก่อตั้งขึ้นมาทำไมเหรอครับ?”
        ณ ที่นั่งในคาเฟ่ ทานิซากิ จุนอิจิโร่ เอียงคอถามชายหนุ่มผู้ร่วมโต๊ะ ร่างสูงของคุนิคิดะนั่งลงพลางขมวดคิ้วแน่นและตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
        “นายไม่รู้เหรอ?”
        “เอ่อ… ไม่ครับ”
        ตอนนี้เป็นช่วงเวลากลางคืน
        ภายในโต๊ะแคบๆ สองหนุ่มนั่งเผชิญหน้ากัน บนโต๊ะตรงหน้าของพวกเขาทั้งสองมีเกี๊ยวทอดและชาเขียวโรยงาคั่ว ทั้งคู่กำลังมีสีหน้าเคร่งเครียด มันคงน่าแปลกไม่น้อยถ้ามีใครบังเอิญผ่านมาเห็นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พวกเขากำลังทำการสืบสวนในแบบของสำนักงานนักสืบ และนี่ก็คือฉากการพบกันในยามค่ำคืน
        คาเฟ่แห่งนี้รู้จักกันในชื่อ “อุซึมากิ” ตั้งอยู่ชั้นแรกภายในอาคารเดียวกันกับสำนักงานนักสืบซึ่งมักจะพลุกพล่านอยู่ตลอดเวลาและมีวิธีชงชาอันเก่าแก่เป็นเอกลักษณ์
        “คุณพูดถูกครับ ตั้งแต่ผมมาทำงานที่นี่ ผมไม่เคยรู้เลยว่าสำนักงานนักสืบก่อตั้งขึ้นมาทำไม คุณรู้ใช่ไหมครับ?”
        “แน่นอนว่าฉันรู้”
        ชายที่นั่งตรงกันข้ามกับทานิซากิ —คุนิคิดะ ดอปโป— พยักหน้า
ทานิซากิยิ้ม “ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่”
“แต่มันก็ค่อนข้างคลุมเครือน่ะนะ”
“คลุมเครือ?”
“ใช่ มันเป็นเรื่องที่ลือกันมา แต่ค่อนข้างชัดเจนที่ว่าสำนักงานนักสืบก่อตั้งมาประมาณสิบปีแล้ว ท่านประธานคือหนึ่งในคนที่ร่วมก่อตั้งสำนักงานแห่งนี้และได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นที่ทำให้ต้องมีการคัดคนเข้ามาทำงานในสำนักงาน”
ทานิซากิตอบกลับและพยักหน้า “อย่างนั้นเหรอครับ.. มันคลุมเครือ…จริงๆด้วย”
“ฉันถึงได้พูดอย่างนั้นไง แต่ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดนอกเหนือจากนั้นแล้วล่ะ อีกอย่าง ฉันยังไม่มีโอกาสได้ถามเรื่องนี้กับท่านประธานเลย แล้วทำไมนายถึงไม่ไปถามกับท่านประธานตรงๆล่ะ?”
ทานิซากิดูกังวลขึ้นมา
“ผะ…ผมเหรอครับ? ไม่มีทาง ผมเป็นแค่พนักงานระดับล่างนะครับ”
“เขาไม่สนใจหรอกว่านายจะเป็นพนักงานระดับล่าง ท่านประธานไม่ใช่คนที่จะมาปิดบังในเรื่องที่เขาต้องการจะบอกหรอกนะ"
“ตะ…  แต่ท่านประธานเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะครับ ยิ่งกว่านั้น เมื่อไหร่ที่เขาโกรธขึ้นมา ดวงตาของเขาจะคมกริบจนสามารถตัดแผ่นเหล็กได้เลยนะครับ ถ้าผมเป็นผู้หญิง เห็นแบบนั้นผมคงจะร้องไห้ไปแล้ว”
“อืม” คุนิคิดะพยักหน้า “ท่านประธานน่ะเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ทุกแขนง หลังจากที่ก่อตั้งสำนักงานนักสืบ เขาก็จัดการสิ่งต่ำช้าและแผนการชั่วร้ายทั้งหลายไปนับไม่ถ้วน เขามีประสบการณ์มากมายและแค่ปรายตามองไปที่กลุ่มเด็กสาว พวกเธอคงกระอักเลือดตายได้ทันที”
“ตาย ได้ ทัน ที น่ะ” คุนิคิดะย้ำ
“มะ… เหมือนกับเป็นคำสาปเลยนะครับ” ทานิซากิเอ่ย
“อืม… นั่นอาจจะเป็นท่านประธานในแบบของนาย อย่างไรก็แล้วแต่ ทำไมนายถึงมาถามเหตุผลที่สำนักงานนักสืบตั้งขึ้นมาเอาป่านนี้ล่ะ? ฉันหมายถึงนายก็เป็นคนในสำนักงานนี้ มันก็ต้องมีการสงสัยกันบ้าง แต่มาถามเอาป่านนี้เนี่ยนะ?”
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น….” ทานิซากิเอ่ยก่อนจะหยิบถ้วยชาขึ้นดื่ม แต่เพราะมันยังร้อนอยู่ ทานิซากิแลบลิ้นออกมาแล้วส่งเสียงร้อง โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย แล้วเริ่มพูดอีกครั้ง
“ดาไซซังถามผมน่ะครับ”
“ดาไซ?”
ในตอนนั้นเอง ใบหน้าของคุนิคิดะกระตุกขึ้นมา
“ใช่ครับ คือ…”
“เดี๋ยว รอเดี๋ยว.. ปล่อยให้ฉันใจเย็นลงสักครู่ก่อน” คุนิคิดะยกมือขึ้นหยุดทานิซากิ “ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ยินชื่อหมอนั่นมันก็ทำให้ฉันเครียดลงกระเพาะแล้ว เวลาที่ฉันรู้สึกว่าหมอนั่นเข้ามาใกล้ฉันทีไร เหมือนทัศนวิสัยของฉันมันริบหรี่จนแทบจะมองไม่เห็น—คล้ายๆกับสัญญาณเตือนภัย… เพราะอย่างนั้น ให้ฉันได้ใจเย็นลงสักครู่”
“นั่น.. ดูเครียดมากเลยนะครับ ผมเข้าใจว่าคุณรู้สึกยังไง” ทานิซากิมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“ไม่มีใครในสำนักงานที่ควบคุมดาไซได้เลย— ไอ้คนจรจัดเน่าเฟะ— นอกจากฉันแล้วก็ไม่มีเลย … พูดจริงๆนะ ไม่มีเลยสักคน แต่ท่านประธานก็ให้ฉันรับผิดชอบในการดูแลเจ้านั่น บอกได้เลยว่าท่านประธานไว้ใจฉันแค่ไหน เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ยอมปล่อยหมอนั่นไปง่ายๆ—”
คุนิคิดะหยุดพูดกลางคันแล้วเงยหน้ามองเพดาน เขากะพริบตาก่อนจะถามว่า “หืม? …ทำไมแสงไฟมันดูแปลกๆ….?”
ทานิซากิเงยหน้าขึ้นไปมอง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับหลอดไฟฟลูออเรนซ์
“นั่นน่ะเป็นสัญญาณของฉันเองแหละ~!”
“หวาาา!”
คุนิคิดะที่นั่งอยู่เผลอร้องเสียงดัง
คนที่ยืนอยู่หน้าทางเข้าเป็นชายร่างสูง
เสื้อโค๊ตสีทรายและเส้นผมสีเข้มรกรุงรัง ร่างผอมสูงยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้า ในมือขวาถือถุงกระดาษเอาไว้
ดาไซ โอซามุ เป็นเหมือนทั้งสองคน เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกของสำนักงานนักสืบ
“ให้ตายสิ ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งก็รู้สึกว่าเสียงกรีดร้องของคุนิคิดะคุงนี่มันช่างสุดยอดจริงๆเลยน่า! ปฏิกิริยาเมื่อกี้เหมือนได้เห็นชีวิตของใครสักคนหดสั้นลงสักสิบปีเลยล่ะ อ้อ แล้วก็ขอชาดำนะครับ คุณนาย”
เจ้าของคาเฟ่โผล่หน้าออกมาจากด้านในร้านก่อนจะเอ่ยทัก “โอ้ ดาไซจัง ยังเป็นผู้ชายที่ดูดีเสมอเลยนะ!”
“และคุณก็เช่นกันครับ คุณนาย” ดาไซหมุนมือแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆคุนิคิดะ
ที่นั่งที่แคบอยู่แล้วแคบยิ่งกว่าเดิม
“ดาไซ… นายมาที่นี่ทำไม?” คุนิคิดะถามเสียงต่ำคล้ายกับสัตว์นักล่ากำลังข่มขู่เหยื่อ
“เอ๋? ก็เห็นกันอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันมาเพื่อดูชีวิตที่หดสั้นลงของคุนิคิดะคุงยังไงล่ะ~”
ก่อนที่ดาไซจะได้พูดจบ คุนิคิดะก็พุ่งไปบีบคอชายหนุ่มเสียก่อน
“แก—! แกคิดจะสร้างปัญหาให้ฉันมากเท่าไหร่หะ—?! แก—! ฉันจะ—! ฉันจะ—!”
“อุฮิฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ดาไซส่งเสียงหัวเราะออกมาทั้งที่กำลังโดนเขย่าคออยู่
“ฮ-เฮ้ ทั้งสองคน พวกเรายังอยู่ในคาเฟ่นะครับ”
ทานิซากิมองไปรอบๆอย่างไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม คาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารเดียวกันกับสำนักงานนักสืบ พนักงานทั้งหลายต่างคุ้นชินกับเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายของคุนิคิดะและพฤติกรรมพิลึกพิลั่นของดาไซ ทั้งลูกค้าและพนักงานต่างมองพวกเขาด้วยความเอ็นดู คล้ายๆกับกำลังมองเด็กอนุบาลสองคนกำลังทะเลาะกัน
เมื่อทานิซากิเจอสายตาอันอบอุ่นของเหล่าพนักงาน เขาทำได้แค่ส่งเสียง “ฮ่าฮ่า” ก่อนจะฝืนยิ้ม ส่วนเหล่าพนักงานเพียงแค่หัวเราะออกมา
“นายมันเจ้าวิญญาณเร่ร่อน! วันนี้… นายทำแค่โผล่หน้าออกมาในชั่วโมงนี้… นายโดดงาน แล้วหลังจากนั้นมีอะไรอย่างนั้นเหรอ?! นายไปกวนชาวบ้านเขามาใช่ไหมหะ! นายคิดว่าใครกันที่เป็นคนจัดการและเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้นายกัน?!”
“ใครอะ? …โอ้ คนคนนั้นต้องเป็น—”
“คนที่พูดกับนายอยู่นี่ไงเล่า?!”
คุนิคิดะเขย่าคอดาไซจนเกิดเสียงกรอบแกรบ
ดาไซดูมีความสุขมาก
“อืม เกี่ยวกับเรื่องนั้น….” ทานิซากิขัดขึ้นมา “ที่ผมคุยกับคุนิคิดะเรื่องนั้นน่ะครับ ที่ดาไซซังมาถามผมว่า ‘นายรู้รึเปล่าว่าสำนักงานนักสืบก่อตั้งขึ้นมาทำไม’ ผมพอจะรู้แล้ว”
“อะไรนะ?” คุนิคดะหันมามองดาไซด้วยความสงสัย
“ใช่แล้ว” ดาไซตอบกลับ เขาปรับคอให้เข้าที่หลังจากโดนเขย่า “วันนี้ช่วงพักกลางวัน ฉันมาเจอทานิซากิคุงล่ะ”
“ที่ไหน”
“บาร์น่ะ”
ใบหน้าของคุนิคิดะเปลี่ยนไปอย่างช้าๆดูคล้ายกับผู้ป่วยที่โดนสารนิวโรท็อกซิน (สารชนิดหนึ่งที่มีผลต่อระบบประสาท)
“นายโดดงานแล้วไปที่บาร์…. อย่างนั้นเหรอ มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่ได้คาดหวังจากนายสักเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นฉันจะปล่อยไป แต่ฉันจะกลับไปจัดการทีหลัง แล้วก็นะทานิซากิ ทำไมนายถึงมาอยู่ในที่แบบนั้นได้ล่ะ? นายโดดงานมาเหมือนกันเหรอ? นายอายุแค่สิบแปดแต่กลับกล้าโดดงานแล้วมาดื่มยามบ่ายเนี่ยนะ? จากสถิติแล้วการดื่มแอลกอฮอล์โดยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และถึงจะยังไม่มีอะไรมารองรับ แต่ถ้านายดื่มแอลกอฮอล์ทั้งที่อายุแค่นี้นายจะต้องเป็นเหมือนกับเจ้าหัวสมองสาหร่ายตรงนี้แน่!”
คุนิคิดะชี้ไปที่ดาไซ
“ขอบคุณครับ ผมคือเจ้าหัวสมองสาหร่ายเองแหละ” ดาไซโค้งหัวให้อย่างรวดเร็ว
“ม-ไม่ นั่นไม่ใช่นะครับ—” ทานิซากิลนลานบอกอย่างรีบร้อน “ผมมาเพราะงานครับ! ผมได้รับโทรศัพท์มาแล้วผมก็รีบมาที่บาร์ ดาไซซังก็—”
“ตามนั้นอะนะ ขอบคุณมากจ้า”
“อะไรนะ…? ทานิซากิมาทำงาน? ดาไซก็อยู่ที่นี่?...ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ แล้วนายก็ถูกดาไซเรียกมา ดาไซบังคับนายมาเหรอ? หรือว่าเขาจะไปสร้างปัญหาอะไรอีก—” คุนิคิดะหยุดพูด เขาถึงกับหน้าซีดและนั่งตัวงอ “ม-ไม่มีทาง— จริงๆเหรอ? หมอนี่ไปทำอะไรมาอีกแล้วเหรอ?”
“ผมขอโทษครับคุนิคิดะซัง” ทานิซากิเอ่ยอย่างสำนึกผิด
“ชิ ฉันไม่ได้ไปทำอะไรแย่ๆขนาดนั้นสักหน่อย” ดาไซพูดพลางหัวเราะ “ฉันก็แค่ไปดื่มกับคนในบาร์ คุยกับพวกเขานิดหน่อยและก็จากมา เป็นอย่างนั้นจริงๆน่า ….แม้ว่า อืม ในตอนนั้นฉันก็ดันถูกจับเพราะไปวางไประเบิดเข้าน่ะ”
“…”
ร่างของคุนิคิดะสั่นสะท้านท่ามกลางความเงียบงัน
“…คุนิคิดะซัง?” ทานิซากิถามอย่างนึกกังวล
“ฉัน… อยากจะเป็นลมมันตอนนี้เลย” คุนิคิดะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เขาเงยหน้าขึ้น “ระเบิด…ใช่ไหม? โฮ่ย ทานิซากิ ถ้ามีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นอีก ให้บอกฉันก่อนที่จะเริ่มประชุมนะ ระเบิดมาจากใคร? เรียกตำรวจรึยัง? แล้วหน่วยกู้ระเบิดมารึยัง? เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?”
“มันอยู่ที่นี่แล้วล่ะ” ดาไซกล่าวพลางหยิบถุงกระดาษวางลงบนโต๊ะดังตุ้บ
“หวาาา!” คุนิคิดะร้องออกมาด้วยความตกใจ จนถอยหลังกลับไปนั่งที่ของตัวเอง
“ไม่เป็นไรน่า มันเป็นแค่ของปลอม” ดาไวว่าพลางยักไหล่ “ก็สรุปเลยนะ เมื่อวานนี้ระเบิดนี่มันถูกส่งมาที่บาร์ แล้วบอกว่าส่งถึงฉันโดยที่ไม่มีการบอกว่าผู้ส่งเป็นใคร ฉันก็เลยเปิดมันและก็เจอระเบิดอยู่ในนี้ ฟิวส์มันถูกตัดอยู่แล้วก่อนที่ฉันจะแกะมัน แต่ว่าถ้าสมมติว่าฉันเผลอไปขยับมันแม้แต่นิดเดียว มันอาจจะระเบิด ตู้ม ตำรวจกับสำนักงานนักสืบอาจจะโดนลูกหลงไปด้วยก็ได้นะ”
“และนั่นทำให้ผมต้องรีบมาน่ะครับ”
“นาย….จัดการกับปัญหาใหญ่ๆที่ตัวนายดูดเข้าหาได้ยังไงเนี่ย?” คุนิคิดะทำหน้าทรมานคล้ายกับเขาเผลอกินเห็ดมีพิษเข้าไป
“ก็ไม่เป็นไรเลยนี่น่า ก็ทั้งหมดมันก็แค่ของปลอมนี่”
ในตอนนั้นเอง ชาดำที่ดาไซสั่งเอาไว้ก็มาเสิร์ฟ ดาไซระบายยิ้ม เขาโยนก้อนน้ำตาลลงไปก่อนจะยกขึ้นจิบและเอ่ยต่อ “ตอนที่ฉันจะเปิดเจ้าระเบิดปลอม ฉันรู้ว่ามันต้องเป็นเวลานี้เท่านั้นและมันก็ไม่ระเบิดด้วย ก็แค่การคุกคามล่ะนะ แล้วฉันก็บอกเจ้าคนร้ายไปแล้วด้วยและทุกอย่างก็จบ”
“นายจับตัวคนร้ายได้?”
“ใช่ ตอนที่ฉันปลดระเบิด มีจดหมายที่ข้างในอ่านได้ว่า ‘มองที่ฉัน’ มันเป็นวิธีการของพวกผู้หญิงที่รุนแรงเกินไปสำหรับฉันน่ะนะ แน่นอนว่ามีผู้คนมากมายที่เป็นแบบนั้น แต่ฉันผ่านและสามารถระบุตัวคนร้ายได้ ฉันดุเธอเสียงดังเลยล่ะ หลังจากนี้ถ้าเกิดเจ้าหล่อนส่งระเบิดไปทุกครั้งที่ฉันไปบาร์ ฉันคงไม่กล้าดื่มอะไรแน่ๆ”
คุนิคิดะมองดาไซอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วพูดแค่ว่า “…อย่างนี้เอง” อารมณ์ของเขาคล้ายกำลังจะพูดว่า ฉันไม่เห็นเข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้ดังนักนะ
“จากนั้นก็มีตำรวจรีบมาจากสถานี มาบอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ‘เพราะสำนักงานนักสืบช่วยปกป้องเมืองนี้ พวกเราเลยสามารถทำงานกันได้อย่างสงบ’ นั่นมันไม่แปลกสักหน่อยเหรอครับ?” ทานิซากิถาม
“หืม?” คุนิคิดะเอ่ยพลางเลิกคิ้วขึ้น “มันก็ดีสำหรับพวกเขา ตามปกติแล้วคงไม่มีใครที่พิลึกๆและดูดีหน่อยๆถูกขู่ด้วยลูกระเบิด—เจ้าศัตรูของผู้หญิง! และถ้าฉันถูกเตะเข้าล่ะก็ ในสถานการณ์แบบนี้ฉันคงบ่นไม่ได้เหมือนกัน”
ในขณะที่คุนิคิดะกำลังพูดอยู่นั้น ดาไซเตะขาไปโดนเก้าอี้
“แน่นอนเลยครับว่ามันเป็นสิ่งที่ดี” ทานิซากิพูดพลางยิ้มบอกบุญไม่รับ “แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลยครับว่าควรจะสำนึกในบุญคุณหรือควรจะระแวงดี แล้วก็การปกป้องเมืองนี้เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุขนั้นเป็นงานของพวกตำรวจ มันทำให้ผมสงสัยว่าทำไมท่านประธานถึงเริ่มที่จะทำงานเพื่อที่จะช่วย ‘ปกป้อง’ ผู้คน”
“นั่นล่ะคือสิ่งที่พวกเรากำลังพูดถึงก่อนหน้านี้ไง” ดาไซพูดด้วยรอยยิ้ม

AA.jpg

“อย่างนั้นเองเรอะ” คุนิคิดะพูดพลางกอดอก “สำนักงานนักสืบน่ะต้องทำงานที่เกี่ยวข้องกับอันตราย ไม่ใช่องค์กรที่เอาพวกใจเสาะเข้ามา  แต่พวกเราน่ะรู้ดี ท่านประธานเป็นคนที่มีเมตตาและมีความเป็นธรรม ไม่ว่านายจะดูในประเทศนี้ นายก็ไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมในการเป็นผู้นำของสำนักงานนักสืบไปได้มากกว่าเขาอีกแล้ว การก่อตั้งสำนักงานนักสืบน่ะเป็นเหมือนกับคำสั่งจากสรวงสวรรค์—หรือที่ฉันคิดน่ะมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
คุนิคิดะจิบชาที่อยู่ตรงหน้าเขา หลังจากนั้น เขาก็มองใบหน้าด้านข้างของดาไซ
“…พูดถึงสำนักงานนักสืบแล้ว” คุนิคิดะพูดเสียงต่ำ “ฉันยังจำได้นะดาไซ นายมีแผนจะทำอะไรกับเจ้าหนูนั่น?”
“เจ้าหนู?”
“เจ้าเด็กไร้บ้านที่นายเก็บมาเมื่อวานไง” คุนิคิดะพูดพลางถือถ้วยชาเอาไว้ “นายบอกว่านายจะเอาเขาเข้าร่วมกับสำนักงานนักสืบด้วยใช่ไหม? นายเอาจริงเหรอ? มันไม่สะเพร่าไปหน่อยเรอะ? นายจะพาเด็กที่นายเพิ่งเจอ—ผู้ใช้พลังพิเศษอันตรายที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของสัตว์ร้าย—ให้เข้ามาในสำนักงาน?”
“หึหึ ฉันยังปกติดีอยู่นะ ความจริงก็คือ นั่นน่ะเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่ในวันนี้ โอ้ นั่นจะต้องสนุกมากแน่ๆ”
“อา ผมก็พอจะได้ยินมาเหมือนกันนะครับ” ทานิซากิเอ่ยแล้วขยับไปข้างหน้า “ผลลัพธ์จากคำขอที่ให้คุณสองคนช่วยไปจับเสือกินคน คุณกลับไปเจอเด็กผู้ชายไร้บ้านที่สามารถกลายร่างเป็นเสือได้ โอ้ แหม การไขคดีอันแปลกประหลาดในวันเดียวและปกป้องเด็กด้วยพลังพิเศษ—พวกคุณควรจะได้รับเหรียญตราจากสำนักงานในฐานะคู่หูนักสืบนะครับ”
“โอ้ ฉันลำบากใจชะมัด”
“อย่าเอาฉันไปรวมกับหมอนั่น”
ดาไซกับคุนิคิดะพูดขึ้นมาพร้อมกัน
แต่ในความเป็นจริง สองคนนี้มักจะทำงานเป็นคู่หูไขคดีๆต่างๆ ตั้งแต่ที่ดาไซเข้าร่วมสำนักงานเมื่อสองปีก่อน อัตราความสำเร็จในการไขคดีๆต่างๆของสำนักงานนักสืบก็อยู่ในระดับที่สูงมาก ภายนอกนั้นไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาหรือมิตรภาพแย่ๆเพราะดาไซและคุนิคิดะมักจะประสานงานกันได้เป็นอย่างดี
นั่นเป็นสิ่งที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัวว่ามันน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน
“อย่างไรก็ตาม” คุนิดะเอ่ยขณะที่มองไปที่ดาไซ “ฉันไม่เห็นด้วย ถ้านายจะทำแบบนั้นจริงๆ นายต้องไปคุยกับท่านประธาน ถ้าเขาอนุญาต ฉันจะไม่ว่าอะไร”
“ฉันไปคุยกับเขามาเรียบร้อยแล้ว” ดาไซพูดด้วยรอยยิ้ม “‘ไปคิดเกี่ยวกับหัวข้อบททดสอบมา’ เขาว่าอย่างนั้น"
“จริงเหรอครับ? คุณได้รับอนุญาตให้ทำบททดสอบแล้วเหรอครับ?” ทานิซากิเอ่ย
“ใช่แล้วล่ะ แต่ปัญหาก็คือ” ดาไซวางนิ้วหัวแม่มือไว้บนริมฝีปากแล้วคิด “ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจสำหรับบททดสอบของอัตสึชิคุงเลย แน่นอนว่าฉันคงทำคนเดียวไม่ได้ ใช่ไหมครับ รุ่นพี่?
หลังจากจบคำพูด ดาไซก็ส่งยิ้มอย่างมีความหมายไปให้คุนิคิดะ
“แน่นอน” คุนิคิดะพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองแล้วพับแขนเข้ามา “บททดสอบเป็นตัววัดเหมาะสมของผู้ที่จะเข้ามาทำงาน และนอกจากนี้มันก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญมากเพื่อยืนยันความสัตย์จริงในจิตวิญญาณของพนักงาน อีกอย่างพนักงานใหม่ที่จะเข้ามาก็เป็นสัตว์ร้าย ถ้าเราไม่ทำให้มันถูกต้องก็จะกลายเป็นว่าพวกเรากำลังทำการทดลองที่อันตรายและผิดกฎหมาย ความน่าเคลือบแคลงก็จะตกอยู่ที่สำนักงานนักสืบ ถึงแม้ท่านประธานจะอนุญาตแล้ว พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องจัดการบททดสอบให้รอบคอบมากกว่าปกติ ไม่มีทางที่นายตัดสินใจแบบมั่วซั่วได้หรอกนะ”
“มันก็เป็นอย่างนั้นล่ะนะ” ดาไซพูดอย่างมีความสุขพลางดื่มชาที่เหลือก่อนจะยืนขึ้น “ไปกันเถอะ ตอนนี้ทุกคนที่ฉันเรียกคงไปที่ห้องสัมนากันแล้ว”
“—เพื่ออะไร” คุนิคิดะถาม
“คุนิคิดะจะบอกมันด้วยตัวใช่ไหม? แผนน่ะ?”
ดาไซยิ้มแล้วยกนิ้วขึ้นมา
“มันเป็นคำสั่งของท่านประธาน เพื่อทดสอบหน้าใหม่ของสำนักงานนักสืบและเพื่อทดสอบความเหมาะสมในฐานะพนักงาน ข้อมูลของทุกคนเป็นสิ่งจำเป็นนะ”
ดาไซสูดหายใจลึก หลังจากนั้นเขาจึงประกาศว่า “นี่คือการประชุมกันครั้งแรกเพื่อบททดสอบเข้าสำนักงาน!”


สำนักงานนักสืบคือองค์กรเอกชนที่ดำเนินงานเกี่ยวกับการสืบสวน ประกอบไปด้วยพนักงานซึ่งเป็นผู้ใช้พลังพิเศษ ภายในสำนักงานมีนักสืบที่คอยจัดการสืบสวนเหตุการณ์เพื่อแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า และมีพนักงานคอยรับผิดชอบในการรวบรวมข้อมูลข่าวสาร งานประชาสัมพันธ์ งานบัญชี และอื่นๆ จำนวนคนมักจะไม่คงที่ แต่เมื่อรวมประธานแล้วจะมีพนักงานที่ยังคงทำงานอยู่ประมาณสิบคน
สมาชิกทุกคนนั้น เกือบทั้งหมดของพวกเขาจะเป็นผู้ใช้พลังพิเศษ
  • ผู้ใช้พลังพิเศษ: ทานิซากิ จุนอิจิโร่ พลังพิเศษ—“ละอองหิมะโปรย”
  • ผู้ใช้พลังพิเศษ: คุนิคิดะ ดปโป พลังพิเศษ—“ยอดกวีร่ายคำ”
  • ผู้ใช้พลังพิเศษ: ดาไซ โอซามุ พลังพิเศษ—“สิ้นสูญมนุษย์สมบัติ”
นักสืบคนอื่นๆมีพลังพิเศษเป็นของตนเองและใช้มันเพื่อสืบสวนเหตุการณ์ต่างๆ โลกในตอนกลางวันซึ่งถูกควบคุมโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลและเหล่าพนักงานตำรวจและโลกอีกใบในยามค่ำคืนซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยองค์กรใต้ดิน—พวกเขาคือกลุ่มผู้ใช้พลังพิเศษที่มีชีวิตอยู่ในยามสนธยา
สำนักงานนักสืบก่อตั้งมาเพียงสิบปีหรือไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อประธานได้พบกับผู้ใช้พลังพิเศษคนหนึ่ง นั่นคือส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่จะถูกเล่าขานต่อจากนี้
ในตอนนี้ พวกเรากำลังพูดถึงสำนักงานนักสืบในปัจจุบัน การประเมินข้อดีและข้อเสียในด้านต่างๆคือจุดประสงค์ของบททดสอบเพื่อคัดเลือกพนักงานเข้าร่วมสำนักงาน
บททดสอบของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
นาคาจิม่า อัตสึชิ— ค่ำคืนก่อนการตัดสิน

Next → Chapter 1 Part 2

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24 ตุลาคม 2559 เวลา 04:05

    หวา มิน่าทำไมเห็นก่อนหน้านี้ลบตอนสองไป ขอบคุณมากค่ะที่แปลตอนหนึ่งให้ *///*

    ตอบลบ