← Previous : Prologue Part 3/3
---
Prologue 3/3
แน่นอนว่าที่ผมทำงานมันไม่ได้เป็นเพราะความชอบ หลายวันก่อน ขณะที่กำลังถูกดุด่าอย่างเกรี้ยวกราดโดยภรรยาหลวงและภรรยาน้อยของผู้บริหารคนหนึ่ง ผมครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าจะฆ่าตัวตายโดยกัดลิ้นตายไปตรงนั้นเลยดีไหม เหตุผลเดียวที่ผมอยู่ในตำแหน่งและหน้าที่นี้เป็นเพราะจริงๆแล้วผมไม่มีความสามารถในด้านไหนเลยสักอย่าง
นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไม—
"อย่างน้อยคราวหน้าก็พาฉันไปด้วยเถอะนะ! ฉันจะพยายามไม่ขวางการทำงานของนายเลยจริงๆ"
"ฉันไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้น" อันโกะหรี่ตามองดาไซ "อย่าพูดเรื่องสืบสวนหรือเรื่องการหาของที่หายไปเลยดีกว่า เวลาที่ต้องจัดการกับการขัดแย้งระหว่างบุคคลน่ะ มีหมอนี่อยู่จะยิ่งทำให้มันแย่ลงซะเปล่าๆ"
"ความขัดแย้งที่ยิ่งแย่ลงเพราะฉัน... ว้าว เจ๋งเหมือนกันนะเนี่ย"
"เห็นมั้ยล่ะ"
ผมไม่สามารถโต้แย้งคำเตือนของอันโกะได้เลยจริงๆ จึงได้แต่ยกเครื่องดื่มขึ้นมาจิบอย่างเงียบขรึม
"ดาไซ ก่อนที่จะไปยุ่งกับงานคนอื่น ลองหาเรื่องน่าสนใจใหม่ๆทำดูมั้ย อย่างน้อยก็ให้มันดีกว่าฆ่าตัวตายน่ะ"
"เรื่องน่าสนใจใหม่ๆเหรอ..." ใบหน้าอ่อนเยาว์ของดาไซสดใสขึ้น "แต่อย่างพวกหมากรุกกับหมากล้อมน่ะมันง่ายเกินไป น่าเบื่ออยู่ดีแฮะ พอจะมีอะไรแนะนำบ้างมั้ยล่ะ"
"อย่างพวกเล่นกีฬาล่ะว่าไง?"
"ฉันไม่ชอบเล่นอะไรเหนื่อยๆอ่ะ"
"ถ้างั้นก็พวกการเรียน?"
"ยุ่งยากแฮะ"
"งั้นก็ทำอาหาร... ไม่ ลืมๆไปซะเถอะ"
อันโกะพูดไปได้แค่ครึ่งคำก่อนจะรีบปิดปากเงียบ เขาคงกำลังนึกถึงคราวที่ดาไซชวนให้พวกเราลองชิมเมนูพิเศษ 'หม้อไฟไก่ตุ๋นกระชากวิญญาณ' และรสชาติของมันก็เป็นไปตามชื่อจริงๆ — กระชากวิญญาณของพวกเราออกมาในแทบจะทันที แต่สิ่งที่ทำให้ยิ่งลืมไม่ได้ก็คือสองวันถัดไปต่างหาก พวกเราได้แต่นอนอยู่บนเตียงราวกับถูกเผาผลาญพลังงานจากทั้งร่างกายไปจนหมด ต่อมาพอลองถามดูว่าเขาใส่อะไรลงไปในนั้น แต่เขาก็เพียงแค่แย้มยิ้ม ไม่พูดอะไร
"อ๊ะ จริงสิ เร็วๆนี้ฉันเพิ่งจะทำหม้อไฟไก่สูตรใหม่ จะชวนให้พวกนายสองคนมาลองชิมดูได้มั้ยนะ ? ชื่อเมนูคือ'หม้อไฟเพิ่มพลังกายสูตรพิเศษ' หลังจากที่กินแล้วจะวิ่งได้ทั้งชั่วโมงอย่างไม่เหนื่อยเลย เหมือนกับอยู่ในฝัน..."
"อย่าหวังเลย!!" อันโกะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
"ไม่เหนื่อยเลย..? หืม... คงจะดีถ้าได้กินสักหน่อยก่อนเริ่มงานนะ"
"...โอดะซาคุซัง บอกแล้วไงครับว่าอย่าพูดเอาใจดาไซมันให้มาก ทุกวันนี้ก็ทำตัวไร้สาระจะแย่อยู่แล้ว"
นี่คือสิ่งที่อันโกะต้องการจะสื่อสินะ ผมเพิ่งจะเข้าใจจริงๆ
"บอส มีค้อนยาง*มั้ย ?" (ที่ญี่ปุ่นเห็นว่าจะมีค้อนยางเอาไว้นวดคลายกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดแล้วก็แก้ปวดหัวน่ะค่ะ)
"ไม่มีครับ"
"ไม่มีเหรอ..."
"มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ" ดาไซว่าด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ
"เอาจริงๆนะ พอทำงานไหนเสร็จสิ้นไปซักงาน ฉันก็ปวดหัวทุกที" อันโกะบ่นครวญ ดูเหมือนว่างานของเขาจะหนักมาก
"ทำงานหนักเกินไปแล้วนะ อันโกะ"
"งานทำให้ฉันทำงานหนักเกินไปต่างหาก" อันโกะมองกลับมาทางผมและดาไซพลางกล่าว
"แต่มันก็คงจะเป็นอย่างที่นายพูด ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ควรมาอยู่ที่นี่เพื่อทำงานล่วงเวลาฟรีๆแบบนี้เลยจริงๆ ...ฉันจะไปแล้ว"
"เอ๋!? จะไปแล้วเหรอ?" ดาไซถามอย่างผิดหวัง
อันโกะไม่ได้ยิ้ม "พูดตรงๆ ทุกครั้งที่ฉันมาที่นี่เพื่อนั่งดื่มกับพวกนาย ฉันมักจะลืมตัวไปว่าฉันเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรใต้ดิน กำลังทำงานผิดกฎหมายอยู่ ...ขอบคุณสำหรับเครื่องดื่มนะ บอส"
อันโกะยกกระเป๋าของเขาออกจากเคาท์เตอร์แล้วลุกขึ้น
"...กระเป๋าใบนั้นเอาไว้ใช้ตอนเดินทางเหรอ?" ผมถาม ชี้ไปทางกระเป๋าหิ้วใบนั้น ที่จริงแล้วก็ไม่ได้สังเกตขนาดนั้นหรอก แค่อยากให้เขาอยู่ต่ออีกสักนิดหนึ่งก็ยังดี
"ใช่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญสักเท่าไหร่หรอกนะ มีบุหรี่ ร่ม แล้วก็ของที่เอาไว้ใช้ป้องกันตัวนิดหน่อย" เขาเปิดกระเป๋าให้ผมดู "มีกล้องเอาไว้สำหรับถ่ายงานด้วย"
"อ๊ะ งั้นก็มาถ่ายรูปกันเถอะ!" ดาไซรีบโพล่งออกมา "เป็นที่ระลึกไงล่ะ!"
"ที่ระลึกอะไร?" ผมถาม
"ก็ระลึกว่าพวกเราสามคนได้มารวมตัวกันในวันนี้ ..หรือไม่ก็ระลึกว่าอันโกะกลับมาและจัดการงานได้สำเร็จ ไม่ว่าเหตุผลไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ!"
"ถ้าอย่างนั้นก็ได้เลยครับท่านผู้บริหาร" อันโกะยักไหล่ ดึงกล้องสีดำออกมาจากกระเป๋า มันเป็นกล้องฟิล์มที่เก่าแล้ว สีดำที่ทาไว้บนกล้องเริ่มลอกออกมาเป็นแผ่นๆ
"ถ่ายออกมาหล่อๆนะ"
อันโกะหัวเราะขื่นๆขณะกำลังถ่ายรูปคู่ของผมกับดาไซ ดาไซยังขอให้ผมถ่ายรูปพวกเขาทั้งสองคนที่นั่งอยู่ข้างกันอีกด้วย "ถ้าถ่ายจากมุมนี้จะทำให้นายยิ่งดูหล่อกว่าเดิมนะ" ดาไซว่าพลางวางเท้าลงบนม้านั่งของบาร์ เอียงไปด้านหลังเล็กน้อย
"ดาไซ ทำไมจู่ๆถึงอยากถ่ายรูปขึ้นมาล่ะ"
"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกว่าถ้าเราไม่ได้ถ่ายรูปกันตอนนี้ คราวหน้าจะไม่มีโอกาสอีกแล้วที่เราจะได้ทิ้งหลักฐานไว้ว่าพวกเราเคยมาที่นี่กันน่ะ" ดาไซยิ้ม
ใช่แล้ว คำพูดนั้นเป็นเหมือนกับคำทำนาย วันที่พวกเราอยู่ที่บาร์วันนั้นอาจจะเป็นวันที่พวกเราได้สูญเสียอะไรบางอย่างไป บางอย่างที่จะรู้สึกได้ก็ต่อเมื่อหัวใจอันว่างเปล่าของพวกเราได้พบเจอกับความเจ็บปวด เหลือร่องรอยทิ้งไว้บนภาพถ่ายพวกนั้น
สุดท้ายแล้ว พวกเราก็ไม่มีโอกาสครั้งที่สองให้ไปถ่ายรูปกันที่บาร์นั้นอีกเลย
.... เพราะว่าหลังจากนั้น หนึ่งในพวกเราได้หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น